ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีนายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงานเป็นประธาน มีมติให้จัดเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเบนซิน 95 และ 91 เพิ่มอีกลิตรละ 1 บาท เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยยกเว้นแก๊สโซฮอล์และดีเซลที่ยังคงเรียกเก็บในอัตราเดิม ทั้งนี้จะมีผลตั้งแต่ 16 เม.ย.-15 พ.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างระหว่างน้ำมันเบนซิน 91 กับแก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้นเป็น 3.42 บาท/ลิตร จาก 2.35 บาท/ลิตร และเบนซิน 95 กับแก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้นเป็น 7.37 บาท/ลิตร จาก 6.30 บาท/ลิตร
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้ปรับขึ้นราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) ภาคขนส่งอีก 75 สตางค์/กิโลกรัม หรือ 41 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.-15 พ.ค.55 ราคาขายปลีก LPG ภาคขนส่งจะอยู่ที่ 11.41 บาท/ลิตร หรือ 21.13 บาท/กิโลกรัม ส่วนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ปรับลดการชดเชยลง 50 สตางค์/ลิตร เหลือ 0 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาขายปลีก NGV ตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.เป็นต้นไป ปรับเพิ่มขึ้น 50 สตางค์/กิโลกรัม เป็น 10.50 บาท/กิโลกรัม
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ จากเบนซิน 95 และ 91 ทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีภาระลดลงประมาณ 10 ล้านบาท/วัน เหลือติดลบวันละ 60 ล้านบาท/วัน
ปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมันฯ ยังคงติดลบ 23,501 ล้านบาท โดยขณะนี้กองทุนฯ มีการกู้เงินไปแล้ว 6,530 ล้านบาท ส่วนที่ขออนุมัติเพิ่ม 20,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารกรุงไทย (KTB) ว่าจะออกเป็นพันธบัตรหรือกู้เงินจากธนาคาร ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพตลาดในขณะนั้น แต่จะพยายามเจรจาให้อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด จากที่ปัจจุบันที่เสียดอกเบี้ยที่ 3.3-3.4%
ส่วนการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน รมว.พลังงาน คาดว่า ภายในสิ้นเดือนเม.ย.นี้ จะได้ข้อสรุปทั้งหมด โดยเฉพาะราคา LPG และ NGV ซึ่งยังไม่ยืนยันว่าจะมีการปรับขึ้นในเดือนพ.ค.หรือไม่