นายอาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) กล่าวถึงการรวมตัวประชาคมเศรษฐิจอาเซียน (AEC) จะรวมเป็นตลาดเดียวกันในปี 58 ว่า สินค้าอาหารและสินค้าเกษตร เป็นสินค้าอ่อนไหว โดยสินค้าเกษตรจะลดภาษีเหลือ 0% ในปี 60 ขณะที่สินค้าอื่นจะไม่มีการเก็บภาษีในปี 58 เนื่องจากในอาเซียนมีสินค้าเกษตรหลายชนิดเหมือนกัน จึงมีการกีดกันทางการค้า ดังนั้นจึงเห็นว่า ควรร่วมมือร่วมใจแก้ไขปัญหาไม่ควรกีดกันการค้ากันระหว่างกัน และทำให้เกิด ASEAN Spirit
โดยเฉพาะสินค้าอาหาร และสินค้าเกษตร ที่เครือซีพีมีประสบการณ์ในการลงทุนในประเทศอาเซียนนั้น มองว่า ไทยสามารถหาแหล่งผลิตที่ถูกและดีที่สุดในกลุ่มอาเซียน และทำให้มีมาตรฐานเพื่อส่งออกในกลุ่มประเทศอาเซียน และส่งออกทั่วโลกได้ ซึ่งได้แก่ ตลาดอียู ตลาดสหรัฐ ตลาดญี่ปุ่น เป็นต้น ทั้งนี้ เห็นว่าภาครัฐและเอกชนควรจะเตรียมพร้อมรับมือกับ AEC ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ มองว่าในระยะยาว 30-50 ปีข้างหน้า ความต้องการอาหารของประชากรโลกจะมีมากขึ้น และภาวะขาดแคลนอาหารจะรุนแรงยิ่งกว่าขาดแคลนพลังงาน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่กลุ่มอาเซียนจะกลายเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรและอาหาร เป็นครัวของโลกป้อนเข้าสู่ตลาดโลก
"อย่างที่เข้าใจ AEC จะให้แต่ประโยชน์ มีแต่โอกาส เรานั่งเฉยๆไม่ได้ แต่จำเป็นเตรียมความพร้อมที่จะมีโอกาสแสวงหา และแก้ปัญหา" นายอาชว์ กล่าวในงานเสวนา"เตรียมพร้อม...ก้าวสู่ AEC" นายอาชว์ กล่าว
นายอาชว์ กล่าวว่า ควรจะทำให้มีมาตรฐานเดียวกัน ทั้งสินค้าและบริการ และเห็นว่า ไทยได้ปรียบได้ธุรกิจกลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มธุรกิจสปา ธุรกิจโรงแรม รวมทั้งธุรกิจอาหาร ที่ควรจะมีมาตรฐานเดียวกันทั้งการผลิตสินค้าและการให้บริการ โดยไทยมีความพร้อมทั้ง 4 ธุรกิจดังกล่าว หรือควรจะสร้างแบรนด์อาเซียน เพื่อแข่งขันกับประเทศในกลุ่มอาเซียน และประเทศทั่วโลก และเป็นกลุ่มที่สามารถเปิดเสรีได้เร็วกว่าธุรกิจอื่น