นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สภาพคล่องส่วนเกินมีปริมาณมากพอสมควร แต่ไม่น่ากังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจตามที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังตั้งข้อสังเกต เพราะถือเป็นระดับที่ ธปท.ดูแลให้เหมาะสมต่อเศรษฐกิจที่ต้องการประคับประคองให้มีการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยไม่เป็นอันตรายต่อเงินเฟ้อและภาวะฟองสบู่
ปัจจุบันสภาพคล่องส่วนเกินในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยอยู่ในระดับ 2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 20% ของสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นในระบบธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ประมาณ 10 ล้านล้านบาท ใกล้เคียงกับมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ที่มี 10 ล้านล้านบาท
"ถ้าถามว่าสภาพคล่องระดับนี้เยอะไปหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คิดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายควรอยู่ที่ระดับใด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 3% ถ้าดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 3.5% ผลของการดำเนินนโยบายการเงินก็ต้องขันน็อต แต่เนื่องจากกนง.คิดว่าช่วงนี้ต้องประคับประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงเห็นว่าดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3% หย่อนกว่าเงินเฟ้อคาดการณ์เล็กน้อยที่ระดับ 3.3% ตีความได้ว่า การดำเนินนโยบายการเงินของ กนง.อยู่ในช่วงผ่อนคลาย เหมาะสมต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และสภาพคล่องก็ไม่เป็นปัญหา" นายประสาร กล่าว
นอกจากนี้ การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่องมาหลายปีนั้น ก็ยังไม่เป็นปัญหาต่อเศรษฐกิจไทย เพราะสะท้อนรายได้การค้าระหว่างประเทศไทยมีจำนวนมาก แต่หากไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ที่เกิดจากการนำเข้าเครื่องจักรหรือวัตถุดิบเพื่อลงทุนในอนาคตก็ไม่เป็นปัญหาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ปีนี้ทั้งปีธปท.คาดว่าไทยจะขาดดุล 1% ของจีดีพี เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมบางสาขาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว