เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการเงินของสหรัฐ เพิ่มมาตรการป้องกันความเสี่ยงในภาคธนาคาร ในขณะที่ระบุว่าเศรษฐกิจยังอยู่ห่างไกลจากการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ อันเนื่องมาจากวิกฤติหนี้ยุโรป
นายเบอร์นันเก้กล่าวสุนทรพจน์ในรัฐจอร์เจียว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจอันเกิดจากวิกฤติได้ตอกย้ำถึงความสำคัญในการใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก พร้อมกับกล่าวว่า วิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นในช่วง 3 ปีครึ่ง ส่งผลให้เศรษฐกิจไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ แม้เฟดพยายามดำเนินการเพื่อฉุดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ปรับตัวลดลง โดยผ่านโครงการซื้อพันธบัตร แต่เศรษฐกิจสหรัฐก็ยังไม่สามารถพลิกกลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิมได้ในขณะนี้ โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งยังคงอยู่ในภาวะซบเซา ซึ่งเบอร์นันเก้ยอมรับว่า แม้เฟดได้ใช้มาตรการ QE ไปแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ เมื่อพิจารณาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนบ้านที่ยังไม่มีการทำสัญญาขาย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า ภาวะซบเซาของตลาดที่อยู่อาศัยและการทรุดตัวลงของราคาบ้าน อาจจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นไปอย่างเชื่องช้า
นอกจากนี้ เบอร์นันเก้กล่าวว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและอัตราการลงทุนในสหรัฐ ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืนได้ พร้อมระบุว่า อุปสงค์ของผู้บริโภคยังคงอ่อนแอเกือบจะเท่ากับระดับก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ ส่วนปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปล่อยเงินกู้และการค้านั้น ก็ชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน