สกุลเงินเยนพุ่งขึ้นแข็งแกร่งกว่า 1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ถือครองสกุลเงินเยนซึ่งมีความปลอดภัย หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลสเปนและอิตาลีปรับตัวสูงขึ้น และหลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ยังไม่มีแนวโน้มที่จะพิจารณาเรื่องการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศ
ค่าเงินเยนพุ่งขึ้น 1.01% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 80.700 เยน จากระดับของวันจันทร์ที่ 81.520 เยน ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.20% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9188 ฟรังค์ จากระดับ 0.9170 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.18% แตะที่ 1.3076 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3100 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.11% แตะที่ 1.5872 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5890 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.47% แตะที่ 1.0255 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0303 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.93% แตะที่ 0.8136 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8212 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและยูโร เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย รวมถึงเงินเยน นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังไม่ตัดสินใจที่จะอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมเข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศ นับเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนสกุลเงินเยนแข็งค่าขึ้นด้วย
ขณะที่สกุลเงินยูโรร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสเปนและอิตาลีปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นายเฟอร์นานเดซ ออร์โดเนซ ผู้ว่าการธนาคารกลางสเปนเตือนว่า อาจมีธนาคารหลายแห่งของสเปนที่จะต้องระดมทุนเพิ่ม ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้จุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป
สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันอยู่ก่อนแล้ว อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจและหนี้สินของสเปน หลังจากรัฐบาลสเปนคาดการณ์ว่า สัดส่วนหนี้สินของสเปนอาจจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 79.8% ของจีดีพีในปี 2555 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2533
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสเปนพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ยอดขาดดุลด้านสาธารณะปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 3% ของจีดีพีภายในปี 2556 โดยล่าสุดรัฐบาลสเปนได้ประกาศแผนการลดการใช้จ่ายด้านการบริการสาธารณสุขและการศึกษา มูลค่า 1 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงราคานำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค., ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.พ. , ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนเม.ย.