นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 - 27 มีนาคม 2555 กระทรวงพาณิชย์ นำผู้ประกอบการยางพาราไม้เฟอร์นิเจอร์ยางแปรรูป และผลิตภัณฑ์ยางแปรรูป ในจ.ตรัง เดินทางไปเจรจาเปิดตลาดใน 3 เมืองเศรษฐกิจใหญ่ของอินเดีย ได้แก่ เจนไน มุมไบ และบังกะลอร์ ผลการเจรจาเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง อาทิ ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการของอินเดีย ทั้งสินค้าไม้ยางพารา, อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ส่วนผู้ประกอบการไทยสนใจงานแสดงสินค้าที่มุมไบ
ปัจจุบันการส่งออกยางพาราและไม้ยางพาราแปรรูปของประเทศไทย ส่วนใหญ่จะส่งออกไปประเทศจีน ถือเป็นการพึ่งพาตลาดหลักเพียงตลาดเดียว จึงจำเป็นต้องหาตลาดใหม่ ๆ ขึ้นมารองรับ โดยเฉพาะตลาดใหม่ทางตะวันตกอย่างประเทศอินเดีย ซึ่งมีศักยภาพสูง มีประชากรมาก และมีการก่อสร้างเกิดขึ้นมากมาย อีกทั้งมีความต้องการยางพาราในประเทศอินเดียมีสูงมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากรเกิน 10 ล้านคน เช่น ที่เมืองเจนไน ซึ่งยังเป็นตลาดรองรับสินค้าจากประเทศไทยได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีกำลังซื้อสูง เพราะเป็นเมืองอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่า 30% ของการผลิตรถยนต์ในประเทศอินเดีย ในขณะที่ผลผลิตยางพาราในประเทศกลับมีจำกัด
ส่วนตลาดเฟอร์นิเจอร์ของประเทศอินเดีย ซึ่งมีขนาดใหญ่ติดอันดับโลก ก็มีความต้องการไม้ยางพาราคุณภาพดีเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะที่เมืองมุมไบ และบังกะลอร์ เนื่องจากมีกำลังซื้อสูงขึ้นเป็นลำดับต้น ๆ โดยผู้จัดจำหน่ายไม้ชั้นนำและโรงงานเฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่ของประเทศอินเดีย ต่างสนใจในผลิตภัณฑ์ไม้ยางพาราของประเทศไทย โดยเฉพาะไม้ยางพาราแปรรูป เช่น ไม้พื้น ไม้แปรรูปอบแห้ง และเฟอร์นิเจอร์ เป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการไทยเองก็ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพและการเติบโตของตลาดดังกล่าว และมีความสนใจอย่างมาก และมีความเป็นไปได้ที่จะรวมกลุ่มธุรกิจกันเพื่อจะเข้ามาดำเนินธุรกิจร้านเฟอร์นิเจอร์ Outlet ทั้งในเมืองมุมไบ และบังกะลอร์
รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การเดินทางไปเปิดตลาดในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการมาเปิดตลาดการค้าแล้ว ยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ในการดำเนินธุรกิจร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการไทย-อินเดียด้วย โดยผู้ประกอบการไทยมีโอกาสไปเยือนสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมของ Maharashtra และ Karnataka เพื่อพบปะเจรจาและสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจไปในคราวเดียวกัน ซึ่งผลจากการเจรจานั้นเป็นที่น่าพอใจ และทางสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมของรัฐกาณาฏกะ มีความสนใจและประสงค์ที่จะนำคณะผู้แทนฯ มาเยือนประเทศไทยและจังหวัดตรังในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
"การเดินทางไปเปิดตลาดในครั้งนี้ ถือเป็นการผนึกกำลังกันที่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ระหว่างหน่วยงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะการช่วยประสานงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองเจนไน และเมืองมุมไบ ซึ่งหากหน่วยงานภาครัฐยื่นมือให้การสนับสนุนเช่นนี้แล้วการตลาดของภาคเอกชนไทยก็จะยิ่งสดใสและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง"นางสาวผ่องพรรณ กล่าว