นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลจะกู้เงินจากธนาคารโลก(World Bank) ในรอบแรก จำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยยืนยันว่าการกู้เงินดังกล่าวไม่ใช่เพราะไม่สามารถกู้เงินจากในประเทศได้ แต่การกู้เงินจากธนาคารโลกจะทำให้ไทยได้รับสิทธิพิเศษในด้านต่างๆ เช่น การสนับสนุนข้อมูลด้านการเงิน,เทคนิคการบริหารการเงิน, การบริหารหนี้ รวมทั้งการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี ในช่วงเช้าที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกตนพร้อมด้วยหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.), สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.), สำนักงบประมาณ, ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มาหารือเรื่องเศรษฐกิจมหภาค
ทั้งนี้ สศค.ได้รายงานว่า ขณะนี้เสถียรภาพการเงินการคลังของประเทศอยู่ในระดับที่ดี โดยคาดว่าไตรมาส 2/55 โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยเมื่อปลายปี 54 จะกลับมาเดินเครื่องการผลิตได้ครบ 100% ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มกำลังการผลิตและกำลังซื้อในประเทศ
พร้อมกันนี้ ยังรายงานว่าหน่วยงานจัดเก็บรายได้ของกระทรวงการคลัง คาดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ได้เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุน น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 73% และหากมีสัญญาณที่ดีขึ้นอาจจะขึ้นไปที่ระดับ 75%
"ขณะนี้เป็นไปในทิศทางที่ดี ไม่มีอะไรน่ากังวล แต่จำเป็นต้องติดตามราคาพลังงานในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด" นายกิตติรัตน์ กล่าว