คต. เผยเมียนมาร์สนใจสินค้าอาหาร-วัสดุก่อสร้าง, เตรียมขยายตลาดเวียดนาม

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 12, 2012 15:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้แทนการค้าการลงทุนเดินทางบุกตลาดประเทศเมียนมาร์ ระหว่างวันที่ 26-30 มี.ค. 55 โดยเดินทางไปพบปะเจรจาการค้าการลงทุน (Business Matching) กับผู้ประกอบการเมียนมาร์ ณ กรุงย่างกุ้งและเมืองมัณฑะเลย์ สามารถเจรจาตกลงซื้อขายทันทีมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท และคาดว่าจะมีการตกลงซื้อขายในอนาคต ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท โดยสินค้าที่ได้รับความสนใจและมีการซื้อขายทันที ได้แก่ สินค้าอาหาร (ขนมขบเคี้ยว ซีเรียล คุกกี้) และวัสดุก่อสร้าง (หน้าต่างอลูมิเนียมและอุปกรณ์)

นางปราณี ศิริพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การเปิดประตูรับทุนต่างชาติของสหภาพเมียนมาร์ หรือ "พม่า"กำลังได้รับความสนใจจากนานาชาติ เพราะหากเทียบกับหลายประเทศในแถบอาเซียนแล้วถือว่า เมียนมาร์ยังใหม่และรอการบุกเบิก อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติทั้งป่าไม้ อัญมณี แหล่งพลังงานพร้อมสรรพ ประกอบกับประชาธิปไตยที่กำลังเบ่งบานจากการเลือกตั้งในเดือนเมษายนนี้ มาตรการคว่ำบาตร ที่นานาชาติมีต่อเมียนมาร์จะเริ่มผ่อนคลาย

ขณะเดียวกัน รัฐบาลเมียนมาร์จะทำการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆขนานใหญ่ โดยว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เป็นที่ปรึกษา จึงทำให้ภาพของ เมียนมาร์ที่เคยเป็นสังคมนิยมเผด็จการทหารเปลี่ยนเป็น "ขุมทอง" ใหม่ที่ใครช้าอาจจะพลาดโอกาสทอง และปัจจุบันจากการที่ประเทศเมียนมาร์ได้มีนโยบายเปิดประเทศมากขึ้น ทำให้การจัดงานเจรจาธุรกิจในครั้งนี้ได้รับความสนใจเข้าร่วมงานจากผู้ประกอบการเมียนมาร์ในหลากหลายธุรกิจเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีการเดินทางมาเยี่ยมชมกิจการของผู้ประกอบการไทยในเวลาต่อมาด้วย

นอกจากนั้นปัจจุบันธุรกิจของไทยหลายๆประเภทประสบความสำเร็จในการเข้าไปลงทุนในเมียนมาร์ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ธุรกิจขายตรง ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร เป็นต้น ดังนั้นจึงถือเป็นเส้นทางการตลาดที่สดใสของผู้ประกอบการไทยที่จะใช้โอกาสนี้ ขยายตลาดเพิ่มในประเทศเมียนมาร์

อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการไทยควรต้องคำนึงเสมอว่า การเปิดประเทศของเมียนมาร์ในครั้งนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่ประเทศไทยหรืออาเซียนเท่านั้นที่จะเข้าไปลงทุนทางการค้าได้ ยังหมายรวมไปถึงทุกประเทศทั่วโลกก็สามารถเข้ามาลงทุนได้ ทำให้ประเทศเมียนมาร์ ณ เวลานี้ เป็นจุดสนใจของนักลงทุนหรือผู้ประกอบการนานาประเทศ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงต้องติดตามนโยบายและกฎระเบียบต่างๆรวมทั้งมีการปรับตัวและพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดของตนเองให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ เพื่อจะได้เป็นคู่ค้าระดับโลกที่น่าเชื่อถือกับเมียนมาร์ต่อไป

อนึ่ง มูลค่าการค้าระหว่างไทย-เมียนมาร์ ในปี 2554 มีมูลค่าสูงถึง 6,114 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.12 เมื่อเทียบกับปี 2553 โดยไทยส่งออกไปเมียนมาร์ มีมูลค่ากว่า 2,850 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 38 เมื่อเทียบกับปีที่ 2553

ด้านนางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศ เตรียมจัดคณะผู้แทนการค้าและการลงทุนเยือนกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ในระหว่างวันที่ 8 — 10 พ.ค. เพื่อขยายโอกาสการค้าการลงทุนของไทยสู่ประเทศเวียดนาม โดยการเยือนเวียดนามในครั้งนี้ จะจัดพบปะคู่ค้าลักษณะการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) กับผู้ซื้อ / ผู้นำเข้าของเวียดนาม และศึกษาช่องทางการขยายตลาดในสินค้าและบริการที่ไทยมีศักยภาพ และกำลังเป็นที่ต้องการของเวียดนามในขณะนี้ ได้แก่ อาหารและผลไม้แปรรูป อาหารทะเล สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน สิ่งทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า กลุ่มรถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน พลาสติก วัสดุก่อสร้าง ปิโตรเลียม เป็นต้น และในภาคบริการที่มีศักยภาพ ได้แก่ ร้านอาหารไทย สปาและธุรกิจเสริมความงาม ท่องเที่ยว การศึกษา ขนส่งและโลจิสติกส์ เป็นต้น

ปัจจุบันเวียดนามเป็นประเทศหนึ่งในอาเซียนที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง มีเสถียรภาพทางการเมือง และมีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ รวมทั้งเป็นประเทศที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้าจากประเทศที่พัฒนาแล้วอีกด้วย โดยในปี 2554 การค้าระหว่างไทยและเวียดนามมีมูลค่ารวม 274,551.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 19.80 โดยแยกเป็นการส่งออกมูลค่า 212,694.42 ล้านบาท และการนำเข้ามูลค่า 61,856.59 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปเวียดนาม ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เหล็ก ผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น สินค้านำเข้าที่สำคัญจากเวียดนาม ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เครื่องจักร เหล็ก ด้ายและเส้นใย น้ำมันดิบ เป็นต้น คาดว่าในปี 2555 การค้าระหว่างไทยและเวียดนามจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อีกไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๑๕ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสินค้าและบริการของไทยในตลาดเวียดนาม

อนึ่งในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 55 กรมการค้าต่างประเทศได้จัดคณะผู้แทนการค้าไทยไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านมาแล้ว ได้แก่ จีนตอนใต้ ลาว พม่า และนำผู้ประกอบการยางพาราของจังหวัดตรังไปเยือนอินเดีย ได้รับผลสำเร็จในการเจรจาสั่งซื้อสินค้าไทยในระดับที่น่าพอใจเป็นส่วนใหญ่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ