โฆษกกระทรวงการคลัง เผยเดือน มี.ค.55 รัฐบาลยังคงจัดเก็บรายได้สุทธิสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2555(ต.ค.54-มี.ค.55) มีรายได้รัฐบาลสุทธิสูงกว่าเป้าหมายกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าการจัดเก็บรายได้ในปีนี้จะใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.98 ล้านล้านบาท
"การจัดเก็บรายได้ในปีนี้แม้จะได้รับผลกระทบจากการขยายเวลาการลดภาษีน้ำมันดีเซล แต่จากการดำเนินนโยบายและมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ทั้งการบริโภคและการนำเข้าเริ่มกลับมาขยายตัว กระทรวงการคลังจึงมั่นใจว่าการจัดเก็บรายได้ในปีนี้จะใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1,980,000 ล้านบาท" นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าว
โดยในเดือน มี.ค.55 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 141,586 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 7,662 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.7 เป็นผลจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาวะเศรษฐกิจในประเทศภายหลังอุทกภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเข้าที่ขยายตัวในอัตราที่สูง ส่งผลให้การจัดเก็บอากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าสูงกว่าประมาณการ 2,065 และ 2,037 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.5 และ 7.5 ตามลำดับ
นอกจากนี้ การที่โรงงานผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์เริ่มกลับมาผลิตได้ตามปกติหลังจากได้รับผลกระทบจากอุทกภัย รวมทั้งการจัดงาน Motor Show และมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดหลายรุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ประหยัดพลังงาน (Eco Car) ทำให้ฐานผู้บริโภครถยนต์กว้างขึ้น ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงที่เกิดอุทกภัย ส่งผลให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ภาษีสรรพสามิตรถยนต์จัดเก็บได้ถึง 11,460 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 1,904 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.9 อย่างไรก็ดี การขยายเวลาลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลเหลือลิตรละ 0.005 บาท ทำให้ภาษีน้ำมันจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 2,952 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.4
ทั้งนี้ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2555 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 812,690 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 33,425 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.3 (สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 3.0) เนื่องจากการจัดเก็บภาษีที่สำคัญส่วนใหญ่ (ยกเว้นภาษีรถยนต์และภาษีน้ำมัน) สูงกว่าประมาณการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีมูลค่าเพิ่ม อากรขาเข้า และภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมทั้งการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่สูงกว่าเป้าหมาย