ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) ในขณะที่ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในเดือนเม.ย. ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญ
ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.62% แตะที่ 1.3216 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3134 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.50% แตะที่ 1.6132 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6051 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลบ 0.09% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 81.520 เยน จากระดับ 81.590 เยน และปรับลง 0.68% เมื่อเทีบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9089 ฟรังค์ จากระดับ 0.9151 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียบวก 0.37% แตะที่ 1.0371 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0333 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์บวก 0.41% แตะที่ 0.8172 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8139 ดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผลการสำรวจของสถาบัน Ifo ของเยอรมนีแสดงว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยูโรโซน เพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 10 เดือนในเดือนเม.ย. ซึ่งสูงกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์ ซึ่งสัญญาณการขยายตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีช่วยชดเชยความวิตกบางส่วนเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของยูโรโซน เมื่อพิจารณาถึงต้นทุนการกู้ยืมที่ระดับสูงในสเปน ซึ่งการคลายความวิตกดังกล่าวเป็นแรงหนุนยูโร
ยูโรแตะจุดสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ก่อนที่จะลดแรงบวกมาที่ 1.3215 ดอลลาร์ในช่วงท้ายของเมื่อคืนนี้
ในขณะเดียวกัน รายงานผลประกอบการจากบริษัทรายใหญ่ของสหรัฐซึ่งรวมถึงเจเนอรัล อิเล็คทริค (จีอี), ไมโครซอฟท์ และแมคโดนัลด์ส สูงกว่าคาดการณ์ ซึ่งช่วยหนุนความต้องการเสี่ยงทั่วตลาด ดอลลาร์ซึ่งได้รับการพิจารณาว่าเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย ลดความสดใสลง และร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่มีความเสี่ยงมากกว่า เยนร่วงลงเช่นกันจากผลตอบแทนที่ระดับต่ำ