สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ แตะที่ 103.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 12.27 น. ตามเวลาในลอนดอน เนื่องจากตลาดคาดว่าสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ของโลก อาจเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงยอดสต็อกน้ำมันสูงสุดในรอบ 11 เดือน
นักวิเคราะห์คาดว่าสหรัฐอาจระบายน้ำมันจากคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์เพื่อควบคุมราคาที่พุ่งขึ้นจากความขัดแย้งกับอิหร่าน โดยอาจมีการระบายน้ำมันก่อน ที่การคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป (อียู) จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 เม.ย. ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในช่วงค่ำวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 700,000 บาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.5%
ส่วนเมื่อคืนนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 77 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 103.11 ดอลลาร์/บาร์เรลในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์ก สหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการควบคุมหนี้ แม้ว่ารัฐบาลสามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณลงมาอยู่ที่ระดับ 4.1% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจในปี 2554 จากระดับ 6.2% ของจีดีพีในปี 2553 ก็ตาม
เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) มีมติห้ามนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านอย่างเป็นทางการในการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ เพื่อตอบโต้อิหร่านที่ดำเนินโครงการนิวเคลียร์
ภายใต้ข้อตกลงที่มีการประกาศดังกล่าว รัฐบาลอียูต้องยุติการทำสัญญาฉบับใหม่กับอิหร่านทันทีที่คำสั่งห้ามมีผลบังคับใช้ ขณะที่สัญญาฉบับปัจจุบันอนุญาตให้ใช้ได้จนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2555