สเปนขายตั๋วเงินคลังได้ 2 พันล้านยูโร (2.6 พันล้านดอลลาร์) ในการเปิดประมูลขายวันนี้ ในขณะที่ตลาดมีความต้องการแข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าผลตอบแทนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการประมูลขายในครั้งก่อน กระทรวงการคลังของสเปนเปิดเผยว่า สามารถขายตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนได้ 724 ล้านยูโร โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 0.63% เพิ่มขึ้นจาก 0.38% ในการประมูลเมื่อเดือนมี.ค. ในขณะที่ตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือนประมูลขายได้ 1.2 พันล้านยูโร ที่อัตราผลตอบแทน 1.58% เพิ่มขึ้นจาก 0.84%
ในขณะเดียวกัน ความต้องการตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนมีมากกว่าจำนวนที่นำออกประมูลขายถึง 7.6 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 3.5 เท่าในการประมูลครั้งก่อน ส่วนความต้องการตั๋วเงินคลังอายุ 6 เดือนอยู่ที่ 3.25 เท่า ลดลงจาก 5.6 เท่า
สเปนต้องการระดมทุนจากการขายตั๋วเงินคลังทั้ง 2 ประเภทให้ได้ราว 1-2 พันล้านยูโร
ทั้งนี้ สถานการณ์ทางการคลังของสเปนเป็นที่จับตาของนักลงทุน หลังจากที่นายมาริอาโน ราจอย นายกรัฐมนตรีของสเปน ได้ปรับเพิ่มเป้ายอดขาดดุลสำหรับปี 2555 เป็น 5.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โดยยอมรับว่าไม่สามารถทำตามเป้าในการลดยอดขาดดุลสู่ระดับ 4.4% ของจีดีพีภายในปีนี้ ตามที่ตกลงกันไว้กับสหภาพยุโรป ซึ่งทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับศักยภาพในการจัดการปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ของสเปนพุ่งสูงขึ้น โดยเมื่อวีนที่ 16 เม.ย.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสเปนพุ่งเหนือ 6% เป็นครั้งแรกนับแต่เดือนธ.ค.
เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางสเปนเปิดเผยว่า เศรษฐกิจสเปนหดตัว 0.4% ในไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากที่หดตัว 0.3% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ซึ่งการที่เศรษฐกิจหดตัวลง 2 ไตรมาสซ้อนถือว่าเศรษฐกิจถดถอย
ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย ขณะที่รัฐบาลก็คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสเปนจะหดตัว 1.7% ในปีนี้ พร้อมกับเตือนว่าประชาชนควรเตรียมรับมือกับความยากลำบาก เนื่องจากสถานการณ์จะย่ำแย่ลงก่อนที่จะดีขึ้น