คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) แถลงผลการพิจารณาค่าเอฟทีรอบ พ.ค.- ส.ค.55 โดยอนุมัติให้ปรับขึ้นในอัตรา 30 สต./หน่วย เพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
นอกจากนี้ กกพ. ได้ขอให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พิจารณารับภาระในค่าเชื้อเพลิงและค่ารับซื้อไฟฟ้าเดิมที่ กฟผ. รับภาระอยู่ก่อนแล้ว จำนวน 19.05 สต./หน่วย ต่อไปอีกเป็นการชั่วคราว ทำให้ค่าเอฟทีเหลือเท่ากับ 35.76 สตางค์ต่อหน่วย และ กกพ. จะนำเงินจากการลงทุนที่ต่ำกว่าแผนของการไฟฟ้า ระหว่างปี 2551 — 2553 มาช่วยลดผลกระทบในค่าเอฟทีอีก ดังนั้น จะเหลือค่าเอฟทีเรียกเก็บ สุดท้ายจำนวนเท่ากับ 30 สตางค์ต่อหน่วย พร้อมกำหนดเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ผ่าน www.erc.or.th ก่อนประกาศค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บในเดือน พ.ค.- ส.ค. ต่อไป
นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธาน กกพ.เปิดเผยว่า กกพ. คำนึงถึงภาระค่าเอฟทีที่ส่งผ่านไปยังประชาชนต้องสะท้อนต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่แท้จริง ในขณะเดียวกันเป็นการส่งสัญญาณไปยังผู้ใช้ไฟฟ้าว่า การใช้พลังงานอย่างประหยัดในขณะที่ราคาค่าเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตก็เป็นสิ่งจำเป็น โดยที่ประชุม กกพ. มีมติให้ปรับขึ้นค่าเอฟทีรอบดังกล่าวเพียงบางส่วน จำนวน 30 สต./หน่วย ซึ่งต่ำกว่าการคำนวณของ กฟผ. กว่าร้อยละ 47 โดย กฟผ. คำนวณค่าเอฟทีในรอบเดือนพฤษภาคม — สิงหาคม 2555 ในอัตรารวมทั้งสิ้น 57.45 สต./หน่วย ประกอบด้วยต้นทุนค่าผลิตไฟฟ้า จำนวน 38.40 สต./หน่วย และค่าเชื้อเพลิงและค่ารับซื้อไฟฟ้าที่รับภาระอยู่ก่อนแล้วอีกชั่วคราว จำนวน 19.05 สต./หน่วย
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ผลการคำนวณค่าเอฟที ในรอบเดือนพฤษภาคม — สิงหาคม 2555 เพิ่มขึ้นนั้น สาเหตุหลักเกิดจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าในภาคครัวเรือน ช่วงเดือนมกราคม — เมษายน 2555 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ภาคการผลิตเพิ่งเริ่มจะฟื้นตัว นอกจากนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนสูงผิดปกติ ส่งผลให้การใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น
ประกอบกับราคาเชื้อเพลิงใช้ผลิตไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น ประกอบด้วย อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่จะใช้ เท่ากับ 30.92 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอัตราที่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย, ประมาณการความต้องการใช้ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 4, ราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าของประเทศ ปรับเพิ่มขึ้น 8.63 บาท/ล้านบีทียู เป็น 301.28 บาทต่อล้านบีทียู หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.95, ราคาน้ำมันเตา ปรับเพิ่มขึ้น 1.08 บาทต่อลิตร เป็น 25.87 บาทต่อลิตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.36 และ ราคาน้ำมันดีเซล ปรับเพิ่มขึ้น 0.92 บาทต่อลิตร เป็น 28.19 บาทต่อลิตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.37
ดังนั้น ค่า Ft ในช่วงเดือนพฤษภาคม — สิงหาคม 2555 สำหรับการเรียกเก็บจากประชาชนจึงเท่ากับ 30 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับมติดังกล่าว กกพ.จะนำรายละเอียดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเผยแพร่ผ่าน www.erc.or.th เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2555 จนถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2555 ก่อนที่จะนำผลการรับฟังฯ มาพิจารณา และประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่าเอฟทีสำหรับการเรียกเก็บในรอบดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป
“การพิจารณาค่าเอฟที กกพ.มีการพิจารณาบนพื้นฐานของความเป็นธรรมต่อทั้งผู้ใช้ไฟฟ้า และผู้ประกอบการ โดยจะพิจารณาถึงต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ซึ่งรวมถึงค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า ค่าซื้อไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงจากค่าไฟฟ้าฐาน พร้อมทั้งอัตราแลกเปลี่ยน และสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนก่อนประกาศใช้ค่าเอฟทีในแต่ละงวด ขณะเดียวกัน ค่าเอฟทีที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นการส่งสัญญาณไปยังผู้ใช้ไฟฟ้าว่าการใช้พลังงงานอย่างประหยัดในขณะที่ราคาค่าเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตก็เป็นสิ่งจำเป็น
ที่ผ่านมา กกพ. ได้มีการพิจารณาค่าเอฟที ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงครั้งนี้ รวม 15 ครั้ง โดยได้มีการให้นำเงินส่วนลดการลงทุนที่ต่ำกว่าแผนของทั้ง 3 การไฟฟ้า จำนวนกว่า 9,500 ล้านบาท มาบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นของค่าเอฟทีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นมา"นายดิเรก กล่าว