แหล่งข่าวจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการแท็บเล็ตเด็ก ป.1 กำลังเกิดปัญหาอย่างหนัก โดยไม่มีทีท่าว่าจะมีการเซ็นสัญญาจัดซื้อกับบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ จำกัดได้ เนื่องจากสเป็คของแท็บเล็ตได้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ จึงทำให้สำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) ไม่สามารถตรวจสอบร่างสัญญาได้ในขณะนี้
ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ต้องการให้การเซ็นสัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นให้ได้ภายสัปดาห์หน้า แต่สำนักงานอัยการสูงสุดยังไม่ได้ตรวจสอบร่างสัญญา จึงทำให้ยังไม่สามารถเซ็นสัญญาได้ อย่างไรก็ตาม แม้กระทรวงไอซีทีจะพยายามให้มีการเซ็นสัญญาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ก็ไม่สามารถระบุวันที่จะเซ็นสัญญาได้ เนื่องจากนางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงไอซีที ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเซ็นสัญญาเช่นกัน
สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานในโครงการดังกล่าวนั้น เมื่อเอกสารจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้องลงตัวแล้ว คณะกรรมการจัดซื้อแท็ปเล็ตจะต้องส่งร่างสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบ โดยต้องมีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ จากนั้นปลัดกระทรวงไอซีทีจะส่งเรื่องให้ รมว.ไอซีที อนุมัติการเซ็นสัญญาจัดซื้อ จนขั้นตอนสุดท้ายปลัดกระทรวงไอซีทีจึงลงนามในสัญญาจัดซื้อได้
แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากการเปลี่ยนแปลงสเป็คที่ยังเป็นปัญหาแล้ว ยังมีประเด็นที่น่ากังวล คือ การที่คณะกรรมการจัดซื้อแท็บเล็ตได้กดราคากับบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคปฯ เหลือ 82 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าต่ำมาก อาจส่งผลกระทบถึงกระบวนการผลิตที่ทำให้ได้แท็บเล็ตไม่มีคุณภาพ นอกจากนี้กรณีที่บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคปฯ ต้องวางเงินมัดจำ 15% ล่วงหน้าในวันเซ็นสัญญานั้น คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ(กวพ.) ให้ความเห็นว่าการวางเงินมัดจำดังกล่าวอยู่ในดุลพินิจของกระทรวงไอซีทีซึ่งสามารถทำได้ แต่รอให้กวพ.ส่งหนังสือตอบอย่างเป็นทางการก่อน
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงการจัดซื้อที่เกิดขึ้น คือ เพิ่มจำนวนจาก 9 แสน เป็น 1 ล้านเครื่อง และเพิ่มวงเงินจาก 1,900 ล้านบาทเป็น 3,000 ล้านบาท และการสั่งซื้อซ้ำ(Repeat Order)จากผู้ผลิตรายเดิม เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการกับนักเรียน ป.1 ทั่วประเทศ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้ว และยืนยันว่าจากการไปดูขั้นตอนการผลิตมั่นใจว่าแท็บเล็ตที่จะแจกเด็กนักเรียน ป.1 มีคุณภาพพอสำหรับใช้งาน ในขณะที่เสป็คเครื่องแท็บเล็ตที่จะจัดเพิ่มเพื่อให้ครูจำนวน 7 หมื่นเครื่องนั้น จะมีสเป็คที่ดีกว่าของเด็กนักเรียน
"เรื่องปัญหาระหว่างกระทรวงไม่เคยเกิดขึ้น แต่การทำงานโครงการนี้เป็นรูปแบบแต่ละกระทรวงต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ไอซีทีได้รับมอบหมายให้จัดหาแท็บเล็ตก็เป็นไปตามนั้น และข้อมูลที่ออกจากกระทรวงไอซีทีถือเป็นข้อมูลที่จริงทั้งหมด" น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว