ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน อันเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้ยุโรปและสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างโลกตะวันตกกับอิหร่านซึ่งทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูง
ไกธ์เนอร์แสดงความเห็นหลังจากที่เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) เมื่อวานนี้ว่า เฟดมีความพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ และยังกล่าวด้วยว่า เขาเตรียมที่จะใช้งบดุลบัญชีของเฟด เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจหากจำเป็น
แม้เฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในปีนี้ขึ้นเป็น 2.4 - 2.9% จากเดิม 2.2 - 2.7% แต่เบอร์นันเก้กล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับอุปสรรคมากมาย รวมถึงภาวะตึงเครียดในตลาดการเงินยุโรป และสถานะการคลังที่อ่อนแอภายในประเทศ นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะซบเซาของตลาดอสังหาริมทรัพย์และความตึงเครียดด้านการเงินภายในประเทศ ซึ่งเฟดจะต้องเตรียมรับมือ เพื่อหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวรวดเร็วขึ้น"
ขณะเดียวกันนายไกธ์เนอร์กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อย อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่าในช่วงสิ้นปีเศรษฐกิจจะเผชิญกับภาวะที่เรียกว่า Fiscal Cliff คือการที่มาตรการลดภาษีหมดอายุพร้อมกับมีการลดค่าใช้จ่ายมหาศาลทั่วทุกภาคส่วน