น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยแนวทางการแก้ปัญค่าครองชีพของประชาชนที่ปรับตัวสูงขึ้นว่า จะเน้นหามาตรการที่จะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด แต่ไม่สามารถออกเป็นมาตรการในภาพรวมได้ เนื่องจากรัฐบาลมีภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมาก โดยจะเน้นกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยเป็นหลัก
"เรื่องค่าน้ำค่าไฟต้องกลับไปดูในภาพรวมว่ากระทบแค่ไหน การให้ความช่วยเหลือจะดูเป็นรายกลุ่ม คงไม่สามารถออกมาตรการป้องกันภาพรวมได้ทั้งหมด เพราะรัฐบาลมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก คงจะเลือกกลุ่มที่มีผลกระทบและแก้ปัญหาเฉพาะจุดไป"น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
และจากผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมที่ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู คาดว่าภาคเอกชนน่าจะกลับมาเปิดบริการตามปกติได้อีก 1 ไตรมาสข้างหน้า ซึ่งจะต้องเร่งปรับตัวเรื่องผลผลิตต่างๆ ด้วย
ส่วนกรณีที่วานนี้คณะกรรมการขนส่งทางบกกลางมีมติให้รถสาธารณะปรับขึ้นราคาค่าโดยสารได้ตั้งแต่ 15 พ.ค.55 นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ฝากให้กระทรวงพลังงานไปหารือมาตรการต่างๆในการแก้ปัญหาเฉพาะจุดที่มีผลกระทบ แต่ต้องยอมรับกันว่าปัญหาราคาน้ำมันมาจากวิกฤติราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ และรัฐบาลไม่สามารถออกมาตรการที่สวนทางกลไกตลาดโลกได้ แต่จะพยายามประคับประคองด้วยการเร่งเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน
และกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอให้นำผลกำไรของ บมจ. ปตท.(PTT)มาอุดหนุนราคาน้ำมันเพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรามีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่แล้ว และเรื่องนี้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ก็คงจะพิจารณาว่าจะสามารถดำเนิยนการอะไรได้บ้าง
นอกจากนี้ ส่วนกรณีที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่ามีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เรียกเก็บค่าหัวคิว 20% กรณีที่ ครม.อนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในภาคใต้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะต้องมีการดำเนินการในทันที ซึ่งจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ในเบื้องต้นได้กำชับให้ทุกกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลเงินในส่วนนี้ ไม่ให้มีการทุจริตหรือเอาเปรียบประชาชน