นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้น จากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(Ft)อีก 30 สตางค์/หน่วย ในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค.55 และการปรับขึ้นค่าโดยสารตั้งแต่ 15 พ.ค.ว่า การปรับขึ้นค่าโดยสารจะทำให้ประชาชนที่ต้องเดินทางโดยรถขนส่งสาธารณะได้รับผลกระทบ แต่ไม่ใช่ประชาชนทุกคน
ขณะที่การปรับขึ้นค่า Ft ก็คิดเป็นเพียง 10% ของค่ากระแสไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น อาจทำให้ผู้ประกอบการผลักภาระมาที่ราคาสินค้าบ้าง แต่เชื่อว่าคงไม่กล้าปรับขึ้นมาก เพราะตลาดยังเป็นของผู้ซื้ออยู่ จึงทำให้คาดว่าจะมีผลให้เงินเฟ้อในปีนี้เพิ่มขึ้นไม่เกิน 0.1-0.2%
"การขึ้นค่าโดยสาร และค่าเอฟทีไม่น่าห่วงมาก เพราะจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นไม่เกิน 0.2% แต่เป็นห่วงกรณีที่รัฐบาลเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลกลับมาอยู่ในอัตราปกติที่ 5.30 บาท/ลิตร จากปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 0.005 บาท/ลิตร เพราะเคยมีการศึกษาไว้ว่า การปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกๆ 1 บาท/ลิตรจะกระทบต่อเงินเฟ้อ 0.2-0.3%" นายธนวรรธน์ ระบุ
อย่างไรก็ดี ในปีนี้ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจฯ จึงคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 4% จากที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ไม่เกิน 3.8%