นายวิทยา เปรมจิตร์ นายกสมาคมรถร่วมบริการเอกชน เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสาร และสมาคมรถโดยสาร(มินิบัส) เตรียมยื่นหนังสือต่อนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม วันพรุ่งนี้(27 เม.ย.) เพื่อขอให้ทบทวนมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางที่อนุมัติปรับขึ้นค่าโดยสารสำหรับรถร่วม ขสมก.ที่ 1 บาท และรถมินิบัสที่ 1.50 บาท เนื่องจากเห็นว่าอัตราค่าโดยสารที่อนุมัติไม่ครอบคลุมต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยืนยันว่าควรปรับขึ้นค่าโดยสารตามที่ได้เสนอไปก่อนหน้านี้ คือ รถร่วมบริการ ขสมก.ปรับขึ้น 2 บาท และขอให้ปรับขึ้นค่าโดยสารสำหรับรถมินิบัสปรับอากาศด้วย จากเดิมที่คณะกรรมการฯ อนุมัติปรับขึ้นค่าโดยสารรถมินิบัสธรรมดาเท่านั้น ขณะเดียวกันจะเสนอให้กำหนดวันบังคับใช้อัตราค่าโดยสารใหม่พร้อมกับรถโดยสารสาธารณะอื่นในวันที่ 15 พ.ค.นี้ โดยไม่ต้องรอเงื่อนไขให้ค่า NGV อยู่ที่ กก.ละ 9.50 บาท
"การปรับขึ้นค่าโดยสารรถร่วมบริการ ขสมก.ที่ 1 บาท ในขณะที่ต้นทุนราคา NGV อยู่ที่ กก.ละ 8.50 บาท ผู้ประกอบการก็ลำบากแล้ว ยิ่งเมื่อต้นทุนราคาเอ็นจีวีอยู่ที่ กก.ละ 9.50 บาท ผู้ประกอบการอยู่ไม่ได้แน่นอน เพราะต้นทุนเดินรถสูงกว่ารายได้ ประกอบกับที่ผ่านมาผู้ประกอบการมีต้นทุนจากการเปลี่ยนรถโดยสารมาใช้ NGV ทำให้ต้นทุนสูง ดังนั้นจึงขอให้มีการทบทวนการปรับขึ้นค่าโดยสาร หากไม่พิจารณาผู้ประกอบการรถร่วมบริการ ขสมก.อาจต้องหยุดให้บริการในวันที่ 16 พ.ค." นายวิทยา กล่าว
ด้านนายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการขสมก. กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่ารถโดยสารของขสมก.จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารตามที่คณะกรรมการฯ อนุมัติ เพราะขสมก.เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ต้องดูแลประชาชน ซึ่งปัจจุบันค่าครองชีพต่างๆ ปรับสูงขึ้น ขสมก.จึงไม่ต้องการปรับเพิ่มค่าโดยสารให้เป็นภาระของประชาชน ขณะเดียวกัน ขสมก.ยังได้รับการอุดหนุนรายได้บางส่วนจากรัฐบาล ซึ่งคณะกรรมการ ขสมก.จะมีการพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป