สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยในช่วงไตรมาส 1/55 น่าจะอยู่ในระดับ 2% และทั้งปี 55 มีโอกาสที่ GDP จะขยายตัวได้เกิน 5.5% โดยปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้มาจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัวขึ้น
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สศค. คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ของไทยในไตรมาส 1/55 จะสามารถกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งอย่างน้อย 2% หลังจากที่หดตัวอย่างรุนแรงในไตรมาส 4/54 ที่ติดลบ 9% จากผลกระทบของวิกฤติอุทกภัยในปลายปีที่ผ่านมาขณะที่ยังเชื่อว่าจีดีพีทั้งปีนี้มีโอกาสจะขยายตัวได้มากกว่า 5.5% จากคาดการณ์ที่ตั้งไว้ โดยแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในปีนี้มาจากการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนเป็นหลัก
“นอกจากการบริโภคภาคเอกชนที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญแล้ว ยังมีการลงทุนภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากประสบอุทกภัย ซึ่งมีการนำเข้าสินค้าทุนเพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนที่กลับมาทำให้เรามั่นใจว่าเศรษฐกิจปีนี้จะโตได้ 5.5% ส่วนที่จะโตเกินกว่า 5.5% นั้น เรามองว่ามีทิศทางที่เป็นบวก ในขณะที่ไตรมาสแรกคาดว่าเศรษฐกิจจะโตได้ไม่ต่ำกว่า 2%" ผอ.สศค.ระบุ
ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจไทยจะมีสัญญาณที่ฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงต้องติดตามที่อาจจะส่งผลกระทบต่อจีดีพี คือ 1.ปัญหาภัยแล้ง 2.ราคาน้ำมันในตลาดโลก 3.ภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน และ 4.การเมืองในประเทศ อย่างไรก็ดี สศค.จะมีการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจไทยอีกครั้งในเดือน มิ.ย.55 แต่จากมาตรการกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐที่หนุนการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศให้เร่งตัวขึ้นนั้น เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนรวมทั้งผู้บริโภค โดยสศค.ยังคาดว่าทั้งปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะโตได้ในกรอบ 5-6%
ขณะที่เศรษฐกิจไทยในเดือนมี.ค.55 ยังมีทิศทางที่ฟื้นตัวจากวิกฤติอุทกภัยได้ดีอย่างต่อเนื่องจากเดือนก.พ. โดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวถึง 11.3% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณที่ดีขึ้นเช่นกัน ส่วนภาคบริการนั้น พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 12% คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทย 1.91 ล้านคน
ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวด้วยว่า จากปัญหาราคาสินค้า ตลอดจนค่าโดยสารสาธารณะ รวมทั้งค่าไฟฟ้าที่จะเริ่มทยอยปรับเพิ่มขึ้นนั้น จะไม่ส่งผลกระทบอย่างเป็นนัยสำคัญต่อการบริโภคและอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพราะยังได้แรงหนุนจากนโยบายในการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ และปรับขึ้นเงินเดือน
“อาจจะกระทบบ้าง แต่จะไม่กระทบอย่างมีนัยสำคัญรุนแรงต่อโมเมนตัมที่จะทำให้การบริโภคหรืออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต้องลดลง ยังยืนยันว่าการบริโภคจะยังเป็นโมเมนตัมสำคัญในการปรับเศรษฐกิจให้โตได้" นายสมชัย กล่าว
ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า เสถียรภาพทางเศรษฐกิจไทยถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยูในระดับแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นมี.ค.55 อยู่ที่ 179.2 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 3.3 เท่า, อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำที่ 0.7% ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในภาวะที่สามารถควบคุมได้ อัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ ขณะเดียวกันเชื่อว่าการจัดเก็บรายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ 1.98 ล้านล้านบาทอย่างแน่นอน