สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาด NYMEX ปรับตัวลดลง 53 เซนต์ แตะ 105.63 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐ และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวลงของยุโรป ซึ่งอาจส่งผลให้อุปสงค์พลังงานทั่วโลกอ่อนแอลงอีก
ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ลดลง 32 เซนต์ แตะที่ 119.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
วานนี้ สัญญาน้ำมัน WTI พุ่ง 1.29 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 106.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.ขยายรวดเร็วที่สุดในรอบ 10 เดือน
อย่างไรก็ตาม การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานหลังตลาดปิดทำการว่า สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.04 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ในรอบ 6 สัปดาห์
ขณะที่ในวันนี้ มาร์กิต อิโคโนมิค รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 45.9 จุดในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2552 และเป็นการเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุด ซึ่งเป็นระดับที่บ่งชี้ถึงภาวะหดตัวในภาคการผลิตเป็นเดือนที่ 9 ตือต่อกันแล้ว
นอกจากนี้ อัตราว่างงานในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 10.9% ในเดือนมี.ค. จาก 10.8% ในเดือนก.พ. โดยเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปีนับแต่เริ่มใช้เงินยูโรในปี 2542
สำหรับข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนในตลาดน้ำมันจับตามองวันนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ในเวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักเศรษฐศาสคร์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น