นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวว่า สถานการณ์การใช้ไฟฟ้าในปี 55 จากสภาพอากาศร้อนที่อบอ้าวต่อเนื่อง และสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมเริ่มกระบวนการผลิตมากขึ้นหลังจากที่ต้องหยุดชะงักจากเหตุอุทกภัยปลายปี 54 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ในเดือนมี.ค.-เม.ย.มีปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีค) ทำลายสถิติถึง 7 ครั้ง โดยพีคล่าสุดเมื่อวันที่ 26 เม.ย.55 เวลา 14.30 น. พุ่งสูงสุดถึง 26,121เมกะวัตต์ ที่อุณหภูมิสูง 38.5 องศาเซลเซียล
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ระบบไฟฟ้ายังคงมีความมั่นคงและเพียงพอ เพราะยังมีปริมาณกำลังผลิตสำรองเหลืออยู่อีกกว่า 3,000 เมกะวัตต์ แต่เพื่อเป็นการลดปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าและช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย กฟผ.จึงขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันประหยัดไฟฟ้า ด้วยการปรับระดับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้คงที่ที่ 25 องศาเซลเซียส หากปรับอุณหภูมิขึ้น-ลงจะทำให้การใช้ไฟต่างออกไปจำนวน 250-300 เมกะวัตต์ รวมถึงเลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ลดการใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นลงและบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ เป็นต้น
ในปีนี้ กฟผ.คาดการณ์ว่าในปีนี้แนวโน้มการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มสูงขึ้น 5-6% ตามอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ กฟผ.จึงดำเนินการตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย โดยในช่วงระหว่างปี 55-62 จะมีโรงไฟฟ้าใหม่ที่ทยอยจ่ายไฟเข้าระบบ รวม 3,883.7 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าวังน้อย ชุดที่ 4 กำลังผลิต768.7 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ 2 กำลังผลิต 782.2 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 2 กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด เครื่องที่ 1 กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน(ลม แสงอาทิตย์ น้ำ ขยะ) กำลังผลิต 732.8 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ ยังมีโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ทั้งหมด 4,400 เมกะวัตต์ การรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) รวมทั้งหมด 6,430.50 เมกะวัตต์ รวมถึงการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน 6 โครงการ รวม 4,012 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการเทิน-หินบุน ส่วนขยาย, โครงการหงสาลิกไนต์ เครื่องที่ 1-3, โครงการน้ำงึม 3, โครงการเซเปียน, โครงการน้ำเงี้ยบ และโครงการไซยะบุรี เป็นต้น พร้อมทั้งมีการวางแผนพัฒนาระบบส่งไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสามารถในการส่งพลังไฟฟ้าและรองรับกำลังผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางด้านพลังงานไฟฟ้าและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาไฟฟ้าตกไฟฟ้าดับ
ในวันที่ 31 ธ.ค.54 ระบบ กฟผ.มีกำลังผลิตตามสัญญารวม 31,446.7 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 526.68 เมกะวัตต์ คิดเป็น 1.7% ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าของ กฟผ.กำลังผลิตตามสัญญา 14,998.13 เมกะวัตต์ รับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่(IPP) กำลังผลิตรวม 12,081.69 เมกะวัตต์ รับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก(SPP) 2,182.30 เมกะวัตต์ และรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศอีก 2,184.60 เมกะวัตต์ การผลิตและซื้อพลังงานไฟฟ้ายังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก 67.03% รองลงมาเป็นถ่านหิน 18.65% และซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ พลังน้ำ และพลังงานหมุนเวียน