นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวถึงการบริหารจัดการน้ำในเขื่อนว่า ปัจจุบันสถานการณ์อ่างเก็บน้ำในเขื่อนของกฟผ.ทุกแห่งอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยมีช่องว่างในอ่างฯ สำหรับรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึงได้อย่างปลอดภัย และยังมีปริมาณน้ำในอ่างฯ พอเพียงที่จะระบายเพื่อการเกษตรในช่วงต้นฤดูฝนที่อาจเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงได้เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์มีการระบายน้ำในช่วงฤดูแล้ง(พ.ย.54-เม.ย.55) ไปแล้วกว่า 13,000 ล้านลบ.ม. และในช่วงต้นเดือน พ.ค.55 ซึ่งเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวของฤดูนาปรังและนาปี เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์จึงจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 1-6 พ.ค.55 จากนั้นจะกลับเข้าสู่การระบายน้ำตามแผนเพื่อการทำนาปีในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค.ประมาณ 3,000 ล้านลบ.ม.
ปัจจุบัน เขื่อนภูมิพลมีปริมาตรน้ำอยู่ 50% มีปริมาณน้ำใช้งานได้ 2,980 ล้านลบ.ม. มีช่องว่างรับน้ำได้อีก 6,682 ล้านลบ.ม. และเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาตรน้ำอยู่ 52% มีปริมาณน้ำใช้งานได้ 2,086 ล้านลบ.ม. มีช่องว่างรับน้ำได้อีก 4,574 ล้านลบ.ม. รวมปริมาณน้ำใช้งานได้ของ 2 เขื่อน 5,066 ล้านลบ.ม. เพียงพอที่จะระบายเพื่อการทำนาปี และมีช่องว่างสำหรับรับน้ำในฤดูฝนรวมกัน11,256 ล้านลบ.ม. สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการช่องว่างในเขื่อนทั้งสองราว 10,000 ล้านลบ.ม.
อย่างไรก็ดี การบริหารจัดการน้ำก็ยังมีความเสี่ยงทั้งน้ำแล้งและน้ำท่วม กฟผ.และคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำได้วางแผนการบริหารจัดการน้ำอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งมีการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดเพื่อบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อการใช้น้ำด้านการเกษตรการรักษาระบบนิเวศการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยต่อไป