สกุลเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ การซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) หลังจากนายฟรองซัวร์ ออลลองด์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส และพรรค New Democracy ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมของกรีซ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางในการใช้มาตรการรัดเข็มขัดของยุโรป
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.21% แตะที่ 1.3055 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3082 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.23% แตะที่ 1.6190 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6153 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้น 0.09% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 79.890 เยน จากระดับ 79.820 เยน และดีดขึ้น 0.20% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9199 ฟรงค์ จากระดับ 0.9181 ฟรังค์
สกุลเงินยูโรอ่อนแรงลงหลังจากมีรายงานว่า พรรค New Democracy ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมของกรีซได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง โดยมีคะแนนนำเป็นอันดับหนึ่ง 19.68% ตามมาด้วยพรรค Left Coalition 16.34% และพรรค PASOK ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับที่ 3 ราว 13.55% ผลการเลือกตั้งบ่งชี้ว่า พรรค New Democracy และพรรค PASOK ซึ่ง เป็นสองพรรคที่สนับสนุนมาตรการช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศนั้น จะเผชิญความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ที่สนับสนุนมาตรการช่วยเหลือด้านการเงิน
นอกจากนี้ ยูโรยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายฟรองซัวส์ ออลลองด์ จากพรรคสังคมนิยมคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศส แซงหน้าคู่แข่งอย่างนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี แต่ข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลอย่างมาก เพราะนายออลลองด์มีมุมมองต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของกรีซ
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าอัตราว่างงานเดือนเม.ย.ลดลงแตะที่ระดับ 8.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 39 เดือน เทียบกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ 8.2%
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 115,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 160,000-170,000 ตำแหน่งโดยประมาณ ขณะที่อัตราว่างงานลดลงแตะที่ระดับ 8.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 39 เดือน เทียบกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ 8.2%