การเลือกตั้งในกรีซได้กระตุ้นให้เกิดความวิตกในตลาดเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในอนาคตของกรีซ โดยการเมืองที่ผันผวนมีแนวโน้มที่จะผลักดันกรีซไปสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้อีกครั้ง และเสี่ยงที่จะทำให้กรีซต้องหลุดออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน
ความผันผวนในครั้งนี้ทำให้มีแรงเทขายอย่างหนักในตลาดการเงินทั่วโลกเมื่อคืนนี้ โดยตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดหุ้นดิ่งลง, ยูโรร่วงลงเป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน ตลาดหุ้นกรีซร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี แม้ว่าพันธบัตรสหรัฐแข็งแกร่งขึ้น อันเนื่องมาจากสถานะการเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
การจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่ลงตัวของกรีซนั้น อาจจะทำให้ต้องมีการเลือกตั้งใหม่ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นเดือนที่กรีซต้องชำระเงินสำหรับพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอน และกรีซจะขาดสภาพคล่องภายในเดือนส.ค. ถ้ากลุ่ม troika ซึ่งประกอบด้วยสหภาพยุโรป (อียู), ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ไม่อนุมัติเงินช่วยเหลือต่อไป
นักวิเคราะห์กล่าวว่า กำหนดการณ์ในช่วงต่อไปบีบบังคับให้กรีซจำเป็นต้องผ่านงบประมาณซึ่งรวมถึงมาตรการที่ตกลงไว้ในแผนช่วยเหลือครั้งที่แล้ว ซึ่งเป็นเงื่อนไขเพื่อทีว่าการประเมินกรีซครั้งแรกจะสามารถเริ่มขึ้นได้ในสิ้นเดือนนี้ โดยกรีซจำเป็นต้องมีแผนการคลังระยะกลางภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับเงินช่วยเหลือในปีหน้า แต่ในขณะนี้กรอบเวลาดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะเป็นไปไม่ได้ ขณะที่การเมืองกรีซยังไร้เสถียรภาพ และอาจจะจำเป็นต้องมีการเลือกตั้งอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยุโรปก็ได้แสดงเจตจำนงค์แล้วว่า จะไม่มีการเจรจาเงื่อนไขใหม่ และหากกรีซไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการรัดเข็มขัด ก็จะตัดความช่วยเหลืออย่างแน่นอน แต่ในกรณีที่กรีซสามารถจัดการกับความวุ่นวายทางการเมืองได้ กลุ่ม troika ก็พร้อมที่จะอัดฉีดเงินให้กับกรีซ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดวิกฤติครั้งใหญ่
นักวิเคราะห์กล่าวว่า กรีซจะกลับมาอยู่ในความสนใจอย่างมากอีกครั้ง ถ้ามีการเลื่อนการให้เงินช่วยเหลือกรีซ และถ้ากรีซอยู่ในภาวะขาดแคลนเงินสด ซึ่งจะเป็นสถานการณ์ที่บีบให้กรีซต้องออกจากยูโรโซน และเกิดวิกฤติที่รุนแรงตามมา