นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) กล่าวว่า ที่ประชุมฯ มีมติให้ชะลอการจัดเก็บค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) เพิ่มอีก 30 สต./หน่วยในรอบเดือน พ.ค.55 ออกไป โดยอาจจะเรียกเก็บเพิ่มในช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค.55 แทน ส่งผลให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ต้องแบกรับภาระเพิ่มจาก 10,200 ล้านบาท เป็น 14,000 ล้านบาท ส่วนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะไปนำคำนวณในค่า Ft งวดหน้า ทั้งนี้เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน เพราะขณะนี้มีการใช้ไฟฟ้าจำนวนมากเนื่องจากสภาพอากาศร้อน หากมีการเรียกเก็บค่าเอฟทีเพิ่มจะเป็นภาระต่อประชาชนมากขึ้น
มติดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากผลการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.-4 พ.ค.ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ของสำนักงาน กกพ.ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 39 ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการปรับค่าเอฟทีในอัตรา 30 สตางค์ต่อหน่วย ในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.นี้ เพราะจะกระทบต่อภาระค่าครองชีพ
นายดิเรก กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าเอฟที 30 สตางค์ต่อหน่วย เป็นการปรับที่ต่ำกว่าต้นทุนค่าเอฟทีแท้จริงซึ่งอยู่ที่ 57.45 สต./หน่วย เนื่องจาก กกพ.ได้นำเงินจากการลงทุนที่ต่ำกว่าแผนของทั้ง 3 การไฟฟ้า คือ กฟผ., การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ในช่วงปี 2551-2553 จำนวน 3,087 กว่าล้านบาท และเงินจากที่ได้จากการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติแหล่งเยตากุน ช่วงวันที่ 8-18 เม.ย.ที่ผ่านมา อีกจำนวนกว่า 1,418 ล้านบาทมาจ่ายคืนให้กับประชาชนผ่านค่าเอฟที ทำให้ค่าเอฟทีลดลงเหลือ 30 สต./หน่วยเท่านั้น
ทั้งนี้ ต้องการให้ประชาชนช่วยกันประหยัดการใช้พลังงาน โดยเลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟ ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศไม่ควรปรับให้อุณหภูมิต่ำเกินไป โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส