ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรฟื้นตัว รับข่าวยูโรโซนไฟเขียวเงินช่วยกรีซ

ข่าวต่างประเทศ Friday May 11, 2012 07:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่ากลุ่มยูโรโซนอนุมัติให้มีการเบิกจ่ายเงินจากกองทุนรักษาเสถียรภาพยุโรป (EFSF) เพื่อให้ความช่วยเหลือกรีซ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลกรีซที่ปรับตัวลดลงในการประมูลเมื่อวานนี้

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.10% แตะที่ 1.2945 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2932 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ดีดขึ้น 0.12% แตะที่ 1.6150 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6131 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.41% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 79.960 เยน จากระดับ 79.630 เยน และอ่อนค่าลง 0.04% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9280 ฟรังค์ จากระดับ 0.9284 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.55% แตะที่ 1.0092 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0037 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.33% แตะที่ 0.7858 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7832 ดอลลาร์สหรัฐ

สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากรัฐบาลกลุ่มยูโรโซนตัดสินใจอนุมัติเงินช่วยเหลือกรีซวงเงิน 5.2 พันล้านยูโร จากกองทุน EFSF หลังจากกรีซได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะผ่านมาตรการรัดเข็มขัดฉบับใหม่มุลค่า 1.45 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนหน้า และให้คำมั่นว่าจะดำเนินการมาตรการปฏิรูปด้านอื่นๆ

เว็บไซต์ของสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า กองทุน EFSF ตกลงที่จะให้เงินเบิกจ่ายงวดแรกสำหรับกรีซในวันนี้ มูลค่า 4.2 พันล้านยูโร จากทั้งหมด 5.2 พันล้านยูโร ซึ่งการอนุมัติความช่วยเหลือครั้งนี้มีขึ้นแม้ชาวกรีซส่วนใหญ่ได้แสดงท่าทีคัดค้านพรรคการเมืองที่สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือกรีซและมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลกรีซก็ตาม

นอกจากนี้ ยูโรยังได้แรงหนุนจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของรัฐบาลสเปนปรับตัวลดลง และจากข่าวรัฐบาลสเปนทำข้อตกลงแปรรูปธนาคารบังเกีย ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 4 ของสเปน ซึ่งเป็นความพยายามที่จะหนุนภาคการธนาคารที่ย่ำแย่และเพื่อขจัดความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพของรัฐบาลในการสางปัญหาในภาคการเงิน

ส่วนเงินปอนด์ดีดตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และยังได้ตัดสินใจที่จะไม่ขยายโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มูลค่า 3.25 แสนล้านปอนด์ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) วันนี้ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า ยอดขาดดุลการค้าและบริการของสหรัฐในเดือนมี.ค. ทะยานขึ้น 14.1% สู่ระดับ 5.183 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่ร่วงลงถึง 12.4% ในเดือนก.พ. โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดขาดดุลกลับมาดีดตัวขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูง และการนำเข้ายานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น

ส่วนในคืนนี้ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ค. ในเวลา 20.55 น.ตามเวลาไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ