สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กกลับมาปิดร่วงลงอีกครั้งเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) ซึ่งเป็นผลมาจากข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่ไม่สู้จะดีนักในระบบธนาคารของสหรัฐ รวมถึงเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และสถานการณ์ไม่แน่นอนในยุโรป
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ปรับตัวลง 11.5 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 1,584 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,572.00-1,595.20 ดอลลาร์
ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำร่วงลง 3.7% หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงถึง 4 วัน ในรอบ 5 วันทำการที่ผ่านมา
ตลาดทองคำได้รับแรงกดดันหลังจากที่นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ออกมาแถลงยอมรับภายหลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ธนาคารขาดทุนอย่างไม่คาดคิดจากการทำธุรกิจเทรดดิ้งเป็นวงเงินทั้งสิ้น 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการเก็งกำไรที่ผิดพลาดในตราสารอนุพันธ์ของ Chief Investment Office ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านบริหารความเสี่ยงของเจพี มอร์แกน
โดยหลังจากที่ได้พิจารณาถึงรายได้ทางด้านหลักทรัพย์อื่นๆแล้ว เจพีมอร์แกนได้ปรับเพิ่มประมาณการตัวเลขขาดทุนสุทธิของ Chief Investment Office เป็น 800 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีนี้ ตรงข้ามกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีกำไร 200 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ถือเป็นหนึ่งในผู้ค้าทองคำแท่งรายใหญ่ ข่าวดังกล่าวจึงส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ขณะที่สถานการณ์การเมืองกรีซที่ยังวุ่นวายและการเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาลฝรั่งเศส ตลอดจนปัญหาในภาคธนาคารของสเปน ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนด้วยเช่นกัน
ด้านเงินดอลลาร์สหรัฐได้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 9 วันจาก 10 วันที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งใช้ประเมินค่าเงินดอลลาร์เทียบกับอีก 6 สกุลเงินหลัก เคลื่อนไหวอยู่ที่ 80.26 ในวันศุกร์ เพิ่มขึ้นจาก 80.159 ในช่วงค่ำวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ
นักวิเคราะห์ตลาดกล่าวว่า เงินดอลลาร์ที่แข็งค่ายิ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับทองคำ เนื่องจากทำให้ทองคำมีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อวันศุกร์นั้นเป็นเพราะรายงานดัชนีราคาผู้ผลิตที่ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย.ปรับตัวลง 0.2% อันเนื่องมาจากการร่วงลงของราคาเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลง
เมื่อมารวมกับความวิตกกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูโรโซน โดยเฉพาะกรีซและสเปน ก็ยิ่งทำให้เงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นในฐานะที่เป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า ในระยะหลังมานี้ ทองคำได้สูญเสียตำแหน่งแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยไปให้กับดอลลาร์สหรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าดอลลาร์สหรัฐขยับลงเล็กน้อยภายหลังจากที่รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ค.พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2551 แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นได้อย่างเต็มที่ และในที่สุดแล้ว สัญญาทองคำก็ยังคงปิดตลาดลดลง