สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) เนื่องจากปัญหาวุ่นวายทางการเมืองในกรีซยังไม่ได้ข้อยุติ หลังมีข่าวว่า การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมเฮือกสุดท้ายไม่ประสบผลสำเร็จ
ค่าเงินยูโรลดลง 0.12% แตะที่ 1.2919 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2935 ดอลลาร์สหรัฐ และขยับลง 0.07% เมื่อเทียบกับเงินเยน แตะ 103.24 จากระดับ 103.31 เยน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 79.920 เยน, แข็งค่าขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9297 ฟรังค์ จากระดับ 0.9284 ฟรังค์ และลดลง 0.12% เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ 1.0009 จากระดับ 1.0021 ดอลลาร์แคนาดา
ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.45% แตะที่ 1.6071 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6143 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.46% แตะที่ 1.0024 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0070 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนลง 0.09% แตะที่ 0.7836 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7843 ดอลลาร์สหรัฐ
เงินยูโรได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ไม่แน่นอนทางการเมืองของกรีซ หลังจากที่นายเอแวนเจลอส เวนิเซลอส หัวหน้าพรรคสังคมนิยม (PASOK) ซึ่งได้คะแนนมาเป็นอันดับ 3 ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา เปิดเผยว่าไม่สามารถเจรจากับหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นๆเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมได้ ซึ่งนั่นหมายความว่า กรีซจะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง
ทั้งนี้ นายเวนิเซลอส ซึ่งเป็นอดีตรมว.คลังกรีซ นับเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองคนที่ 3 ที่กลายเป็นแกนนำจัดการเจรจากับพรรคการเมืองต่างๆเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม หลังจากผลการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่มีพรรคใดที่ได้คะแนนเสียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้
นายเวนิเซลอสได้รับมอบอำนาจอย่างเป็นทางการจากประธานาธิบดีคาโรลอส ปาปูลิอัส ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่นายอันโตนิส ซามาราส หัวหน้าพรรค New Democracy และนายอเล็กซิส ซิปราส หัวหน้าพรรค SYRIZA ซึ่งเป็นพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดเป็นลำดับที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ได้คืนอำนาจในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้กับนายปาปูลิอัส หลังจากที่ทั้งคู่ไม่สามารถเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสมได้
นักลงทุนวิตกว่า กรีซจะไม่สามารถทำตามข้อตกลงเรื่องการควบคุมงบประมาณเพื่อแลกกับการรับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม และอาจจะต้องถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซนในที่สุด
ขณะเดียวกัน จีนและอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ ซึ่งได้จุดชนวนความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวให้กลับมาอีกครั้ง
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี โดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ค.ขยายตัวสู่ระดับ 77.8 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2551 จากระดับ 76.4 จุดในเดือนเม.ย.