มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เปิดเผยว่าธุรกิจค้าปลีกของสหรัฐมีแนวโน้มที่มีเสถียรภาพ โดยคาดว่ารายได้จากการดำเนินงานจะขยายตัว 3.5-4.5% ในปีนี้
มูดี้ส์ระบุว่า ผลกำไรจากการดำเนินงานในภาคอุตสาหกรรมค้าปลีกมีการขยายตัวสูงกว่าเศรษฐกิจโดยรวม เนื่องจากนักลงทุนได้เริ่มจับจ่ายหลังจากที่ชะลอการซื้อไว้ในช่วงที่ผ่านมา และราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางรายการปรับตัวลง
อย่างไรก็ตาม ในระยะใกล้ยังมีความเสี่ยงสำคัญด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเกี่ยวข้องอย่างมากกับการดำเนินงานของรัฐบาลกลาง โดยมูดี้ส์ระบุถึงการสิ้นสุดมาตรการลดภาษี รวมทั้งเพดานหนี้ที่จะแตะระดับสูงสุดในต้นปี 2556 และภาวะชะงักงันทางการเมืองในปีที่มีการเลือกตั้ง
กลุ่มบริษัทค้าปลีกสินค้าหรูหรา ซึ่งลูกค้าได้รับผลกระทบไม่มากนักจากราคาพลังงานที่ระดับสูง จะปรับตัวโดดเด่นกว่าธุรกิจค้าปลีกประเภทอื่นๆ
ส่วนธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่และบริษัทด้านคลังสินค้า ซึ่งรวมถึงวอล-มาร์ท สโตร์ อิงค์ จะได้ประโยชน์จากธุรกิจอาหารที่ขยายตัวขึ้น แม้ว่าซูเปอร์มาร์เก็ตและเวชภัณฑ์อาจเผชิญแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นจากการแข็งขันที่รุนแรงขึ้น