(เพิ่มเติม) รมว.คลัง มั่นใจพื้นฐานศก.ไทยรับมือความผันผวนจากปัญหายุโรปได้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 16, 2012 16:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง มั่นใจว่า พื้นฐานเศรษฐกิจของไทยมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับความผันผวนจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปได้ ส่วนการที่ตลาดหุ้นไทยร่วงแรงจากปัจจัยดังกล่าว น่าจะเป็น sentiment ในระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่การส่งออกของไทยในปีนี้ยังเชื่อว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 15%

พร้อมยืนยันว่า ไม่มีนโยบายนำเงินสำรอง ตั้งกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ภาวะการเงินโลกจะมีความผันผวนจากความเปราะบางของสถานการณ์ยุโรป และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อระบบเศรษฐกิจประเทศใหญ่ผันผวนก็กระทบทั่วโลก เช่น ตลาดหุ้นหลักปรับตัวขึ้นลงจากสถานการณ์วิกฤติ ตลาดหุ้นไทยและเอเซียก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แม้ทิศทางจะไปในทางเดียวกัน แต่ระยะต่อไปการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละประเทศ ดังนั้น ขณะนี้แม้ตลาดหุ้นยุโรป-สหรัฐปรับลดลง จะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกลดลง แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะมีความแตกต่างกันตามภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในเอเซีย

"การที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงตามตลาดต่างประเทศเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ยาก แต่ท้ายสุดขึ้นอยู่กับระบบเศรษฐกิจไทย ดังนั้น ในแง่ผู้ลงทุน ระยะสั้นก็ต้องไปตามตลาด แต่ระยะยาวยังมั่นใจเศรษฐกินไทยที่แข็งแกร่ง เติบโตได้ดี ฟื้นตัวจากน้ำท่วมได้ดีกว่าคาด ทำให้สำนักต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศมีการปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทย"นายกิตติรัตน์ กล่าว

นอกจากนี้ รัฐบาลมองทิศทางการทำงานเป็นนโยบาย ไม่ได้ปล่อยตามยถากรรม จึงมั่นใจว่าจะดูแลเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้ดี ซึ่งมาจากการส่งออกที่มั่นใจว่าจะขยายตัวได้ 15% ตามเป้าหมาย มีการปรับกำลังซื้อให้ผู้มีรายได้น้อยให้เพิ่มขึ้น ทำให้การบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้นตามมา การท่องเที่ยวยังเป็นไปตามคาด การลงทุนยังขยายตัวได้ดี การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.98 ล้านล้านบาท

ส่วนการควบคุมราคาสินค้าบางรายการ เป็นแนวทางที่รัฐบาลจะประคับประคองไม่ให้เกิดการค้ากำไรเกินไป เนื่องจากผู้ประกอบการที่มีไม่มาก ทำให้นำไปสู่การทำกำไรเกินไป แต่ขณะเดียวกัน การบริหารประเทศจะต้องทำควบคู่ไปกับการประคองราคาสินค้าไม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าคู่ค้า คู่แข้ง และทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ยืนยันจะไม่มีการเร่งปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ตามแผนเดิม และไม่เชื่อว่าราคาสินค้าจะปรับสูงขึ้นเป็นการถาวร แม้ต้นทุนจะลดลง เห็นได้จากราคาผักสดขณะนี้เริ่มปรับลดลงแล้ว

นายกิตติรัตน์ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะนำเงินสำรองระหว่างประเทศไปใช้จัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ จึงไม่ต้องมีความกังวลในเรื่องนี้ แม้นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.)จะเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพราะนายวีรพงษ์เป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ

"เท่าที่ผมรู้ ท่านเป็นศิษย์หลวงตามหาบัวมากกว่าใครๆ หรือลูกศิษย์คนอื่นๆ คงไม่เอาเงินทุนสำรองมาใช้แน่"นายกิตติรัตน์ กล่าว

ส่วนความกังวลที่จะมีการเมืองแทรกแซงการทำงานของ ธปท.นั้น เห็นว่า การเมืองเป็นผู้จัดการประเทศชาติ การเมืองมาจากการเลือกตั้ง และทำหน้าที่ประสานงานทุกฝ่าย ดังนั้น ทุกคนควรให้น้ำหนักจากฝ่ายการเมืองในการให้ข้อเสนอแนะต่าง ๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ