นายฌอง-คล็อด ทริเชต์ อดีตประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ควรระมัดระวังเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบของนโยบายการเงินที่ต่างไปจากเดิม
นายทริเชต์กล่าวที่สถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สันในวอชิงตันว่า ในขณะนี้ยูโรโซนเป็นต้นตอของวิกฤตเศรษฐกิจโลก ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐและประเทศอื่นๆได้ดำเนินมาตรการทางการเงินหลากหลายทั้งในแบบที่เป็นมาตรฐานและแบบพิเศษ เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องและสกัดวิกฤต
เขากล่าวว่า หากเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วไม่ดำเนินมาตรการที่ “ฉับพลันและเด็ดขาด" เพื่อจัดการวิกฤตการเงินและวิกฤตหนี้ยูโรโซนแล้ว สถานการณ์จะเลวร้ายลงกว่านี้มาก
อย่างไรก็ตาม นายทริเชต์กล่าวเตือนว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องตระหนักว่าหากไม่มีการกำกับดูแลนโยบายพิเศษต่างๆอย่างระมัดระวัง ก็อาจจะทำให้เกิดผลกระทบอย่างไม่คาดคิด
เขาตั้งข้อสังเกตว่า นับแต่เกิดวิกฤตดังกล่าว งบดุลบัญชีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ต่างเพิ่มมากขึ้น
บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากเป็นระยะเวลานาน ซึ่งรวมถึงแผนการซื้อสินทรัพย์ของธนาคารกลางต่างๆของชาติตะวันตก จะถ่วงค่าเงินและส่งผลให้มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมากขึ้นในอนาคต