นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง"รวยด้วย"ทอง" กับ 5 เซียนทองคำแห่งยุค" ในงาน Money Expo 2012 ว่า ปัญหาของกรีซขณะนี้ถือว่าเป็นช่วงวิกฤติที่สุดแล้ว และส่งผลต่อราคาทองคำปรับลงใกล้ระดับต่ำสุด และให้จับตาราคาทองคำจะมีสัญญาณเข้มแข็งขึ้น หลังวันนี้กลับมารีบาวน์
"ระดับราคา 1,520 ดอลลาร์/ออนซ์ ถือเป็นจุดต่ำสุดหรือยัง เพราะได้มีการลงไปทดสอบถึง 2 ครั้งหลังแล้ว ซึ่งแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,585-1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่หากทองร่วงลงไปที่ระดับ 1,500 ดอลลาร์/ออนซืจะเป็นระดับที่มีความเสี่ยงที่ถือว่าเอาไม่อยู่ มีโอกาสลงลึกถึง 1,308 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ ซึ่งเป็น low ในปี 54 แต่ถือมีความเป็นไปได้น้อยมาก"นายบุญเลิศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากภายใน 2 สัปดาห์ให้พิจารณาแนวต้านสำคัญที่ 1,625 ดอลลาร์/ออนซ์ หากผ่านไปได้เริ่มมีความหวังที่ราคาทองคำจะขึ้นไปที่ระดับ 1,650-1,670 ดอลลาร์ และมีโอกาสขึ้นไปที่ 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ และทำ new high ภายในสิ้นเดือน พ.ค. แต่หากราคาปิดระหว่างวันยังเคลื่อนไหวที่ 1,584-1,585 ดอลลาร์/ออนซ์ อาจไม่สามารถสะท้อนการคาดการณ์ดังกล่าวได้
ด้านนางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำในปีนี้มองได้ใน 2 สถานะ หากราคายืนเหนือนระดับ 1,500-1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ได้นาน 2-4 สัปดาห์ มีโอกาสที่ราคาปลายนี้จะดีดตัวไปที่ 1,800-1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ได้
"ตอนนี้ทองคำขึ้นเร็วมากภายในเวลา 1 วัน ถือว่ายังไม่แข็งแรง มีโอกาสขึ้นไปทดสองที่ 1,570-1,580 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ แต่มีโอกาสถูกเทขาย เพราะเวลาทองลงแรงแล้ว ต้องรอที่จะตั้งฐานก่อนปรับขึ้น ดังนั้นนักลงทุนต้องดูทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยเทคนิคควบคู่กัน แต่ดูดีมานด์-ซัพพลาย ทำให้ทองคำยังดี ยังมีความต้องการจากจีนมาก และธนาคารกลางยังทยอยสะสมทองคำ ทำให้โอกาสดีขึ้นยังมี" นางสาวฐิภา กล่าว
ปัจจุบันราคาทองคำได้ปรับลดลงถึง 20% ถือเป็นจุดต่ำสุดที่สามารถเข้าลงทุนได้ เป็นการเริ่มสะสม โดยเฉพาะนักลงทุนระยะยาว ให้ค่อยๆทยอยเข้าสะสม ส่วนนักลงทุนระยะสั้นให้พิจารณาจากแนวรับ-แนวต้านเพื่อดูโอกาสการลงทุน ควรเริ่มลงทุนทีละน้อยก่อนจะเพิ่มปริมาณการลงทุน
ส่วนการลงทุนใน Gold Futures ถือเป็นการลงทุนที่ป้องกันความเสี่ยง และลงทุนเสริม อาจได้กำไรมากและขาดทุนมากเช่นกัน จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้ สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ แนะให้แยกสัดส่วนพอร์ตการลงทุน เป็นลงทุนระยะยาวและระยะสั้น 50 ต่อ 50 และการลงทุนในทองคำบางส่วนในพอร์ตการลงทุนจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นหรือสินค้าโภคัณฑ์ได้ เพราะเมื่อดูระหว่างความเหวี่ยงของหุ้นอยู่ที่ 30% แต่ทองคำ 20% ดังนั้นจะให้ผลตอบแทนดีกว่า
นางสาวณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำหากขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,625-1,630 ดอลาร์/ออนซ์ให้ระวังอาจมีแรงเทขายออกมาก และมองแนวต้านถัดไปที่มีโอกาสขึ้นไป 1,660-1,680 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยแนวโน้มทองคำระยะยาวยังเป็นขาขึ้น และปลายปีนี้มองทองคำขึ้นไปที่ระดับ 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ได้
การลงทุนในทองคำต้องติดตามปัจจัยพื้นฐานทั้งปัญหาเศรษฐกิจยุโรป ค่าเงินดอลลาร์และยูโรป เพื่อดูทิศทาง และต้องพิจารณาปัจจัยเทคนิคควบคู่กัน เพื่อพิจารณาการเข้าซื้อ ขายออก และตัดขาดทุน พร้อมศึกษาข้อมูลบทวิเคราะห์ต่างๆ
"ปีนี้ทองคำเคลื่อนไหวผันผวน sideway ในกรอบ แนะให้เล่นระยะสั้นก่อน ซื้อในจังหวะแนวรับและขายที่แนวต้าน" นางสาวณัฐฑี กล่าว
ด้านนายธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮั่วเซงเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำปีนี้มีความผันผวน เพราะมีหลายปัจจัยส่งผลกระทบ โดยปัญหาเศรษฐกิจยุโรปส่งผลให้นักลงทุนสถาบันถอนการลงทุนจากทองคำ แต่หากสหรัฐมีการใช้มาตรการ QE3 เชื่อว่านักลงทุนสถาบันจะกลับมาลงทุน และมีโอกาสทำให้ทองคำปรับขึ้นไปที่ High เดิมได้ โดยต้องติดตามปัจจัยข่าวสารข้อมูลและการเคลื่อนไหวของดอลลาร์
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวแนะให้ติดตาม 5 ปัจจัยพื้นฐาน คือ 1. แม้ราคาทองคำจะปรับลงแรง แต่ให้สังเกตกองทุน SPDR ที่มีการขายออกยังไม่มี เพราะยังถือทองคำกว่า 2 พันตัน สะท้อนว่าทั่วโลกยังคงเข้าซื้อทองคำ 2. ธนาคารกลางทั่วโลก ยังไม่เห็นการเข้า net buy ทองคำตั้งแต่ปลายปี 54
3.ปัญหาของประเทศกรีซยังไม่มีข้อยุติและไม่รู้จะเป็นปัญหาอีกนานแค่ไหน ดังนั้นหากปัญหาหากปัญหายูโรในปลายปีนี้ยังไม่ยุติทองคำมีโอกาสลงได้ต่อ เพราะเงินยูโรจะเป็นปัจจัยดึงทองคำ หากเลือกตั้งในกรีซเดือน มิ.ย.มีข้อสรุป อาจทำให้ตลาดเดินหน้าไปได้ 4. ราคาทองคำในปีนี้จะมีความผันผวนกว่าทุกปี รวมถึงตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นการลงทุนในทองคำปีนี้จะต้องซื้อเร็ว ขายเร็ว มีการตัดขาดทุนเร็ว และ 5.ให้รอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ รวมถึงนโยบายใหม่ๆ ที่จะมีผลต่อตลาด
"ระยะสั้นมองทองคำผันผวน หากไม่ผ่านแนวต้านสำคัญอาจปรับลงได้ แต่หากสหรัฐมี QE3 ทองคำขึ้นแนะนอน แนะให้ติดตามข่าวสารในสหรัฐและยุโรปและดอลลาร์ใกล้ชิด" นายณัฐพงศ์ กล่าว