ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 ปีนี้อาจขยายตัวในกรอบใกล้เคียง 4.0% ก่อนจะเร่งการขยายตัวขึ้นสู่ระดับตัวเลขสองหลักในช่วงปลายปี เนื่องจากการคำนวณเทียบกับฐานเศรษฐกิจที่ทรุดตัวเป็นประวัติการณ์จากผลของน้ำท่วมปลายปี 54
ขณะที่ในช่วงไตรมาส 1/55 เศรษฐกิจไทยได้แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งในส่วนของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยพลิกกลับมาขยายตัวที่ 0.3% จากที่ลดลงถึง 8.9% ในช่วงไตรมาส 4/54 จากผลของอุทกภัย โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า นอกจากการฟื้นตัวที่ยังไม่สมบูรณ์ของภาคการผลิตและการส่งออกแล้ว การหดตัวของรายจ่ายภาครัฐ ทั้งในส่วนของรายจ่ายประจำและรายจ่ายเพื่อการลงทุนยังเป็นตัวฉุดรั้งทิศทางเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 55 ด้วยเช่นกัน
สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 55 นั้น การขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน(ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นเพิ่มเติมจากมาตรการเพิ่มรายได้ กระตุ้นการใช้จ่าย และความพยายามในการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน) ตลอดจนการเพิ่มระดับกำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมกลับสู่ภาวะปกติ น่าจะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถรักษาจังหวะการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี แม้ว่าโมเมนตัมบางส่วนในภาคการส่งออกอาจถูกทดสอบโดยปัจจัยเสี่ยงภายนอกประเทศ โดยเฉพาะตัวแปรวิกฤตหนี้ยุโรป, ระดับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงครึ่งปีหลังที่มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านมีผลบังคับใช้ ขณะเดียวกัน ยังต้องติดตามผลที่อาจตามมาหลังจากการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน ทั้งต่อต้นทุนในภาคธุรกิจและต่อภาวะการจ้างงานในช่วงไตรมาสถัดๆ ไป
ขณะเดียวกัน การเร่งเบิกจ่ายเม็ดเงินงบประมาณและการเร่งรัดโครงการต่างๆ ของรัฐบาล น่าจะสามารถช่วยเพิ่มแรงสนับสนุนเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลังน้ำลด เริ่มผ่อนแรงลงตามความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจต่างประเทศ และแรงกดดันด้านต้นทุนที่จ่อขยับขึ้นหลายด้านหากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลสิ้นสุดลง
สำหรับมุมมองของศูนย์วิจัยกสิกรไทยต่อตัวแปรที่อาจมีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 55 ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก โดยเศรษฐกิจไทยที่มีจังหวะขยายตัวตามแรงกระตุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมจากนโยบายเศรษฐกิจ และกระบวนการฟื้นตัวจากผลกระทบน้ำท่วม น่าจะช่วยบรรเทาภาพด้านลบจากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่มีต่อภาคการส่งออกลง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าภาพรวมของเศรษฐกิจในปี 55 น่าจะยังคงขยายตัวอยู่ในกรอบประมาณการเดิมที่ 4.5-6.0% แต่คงต้องติดตามพัฒนาการของวิกฤตหนี้ยุโรป โดยเฉพาะความเสี่ยงของกรีซ ซึ่งหากสถานการณ์วิกฤตหนี้เลวร้ายจนเพิ่มความเสี่ยงต่อระบบยูโรโซนแล้ว (Eurozone Shock) ก็อาจทำให้เศรษฐกิจยูโรโซนที่ถดถอยลงอย่างรุนแรง เป็นตัวเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะชะลอตัว/ถดถอยในภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยก็อาจลดลงมาเหลือเพียง 1.8% เท่านั้น