มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสเปิดเผยในวันนี้ว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจากการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน จะส่งผลดีต่อบริษัทขุดเจาะน้ำมันระหว่างประเทศโดยรวม แต่จะเป็นผลลบต่อภาคธุรกิจอื่นๆ เช่น สายการบิน ธุรกิจกลั่นน้ำมัน รถยนต์และค้าปลีก
มูดี้ส์ระบุว่าภาคธุรกิจดังกล่าวจะได้รับผลกระทบอย่างหนักในกรณีที่เกิดวิกฤตด้านน้ำมันที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะ 150 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นเวลาหลายเดือน ซึ่งอาจจะบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม มูดี้ส์ระบุว่ามีความเสี่ยงต่ำที่ราคาน้ำมันจะแตะ 150 ดอลลาร์/บาร์เรลจากการที่อิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางส่งออกน้ำมันและก๊าซที่สำคัญ เนื่องจากการปิดกั้นจะเป็นไปในช่วงสั้นๆ
กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ของยุโรปจะเผชิญความเสี่ยงมากกว่าจากวิกฤตน้ำมัน เมื่อเทียบกับบรรรดาผู้ผลิตของสหรัฐและเอเชีย ขณะที่ธุรกิจสายการบินจะขาดทุนจากการดำเนินงาน อันเป็นผลจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นต่อเนื่อง และการปรับขึ้นค่าโดยสาร ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการของผู้โดยสารทั่วโลกลดลง
ส่วนธุรกิจค้าปลีก ภัตตาคารและธุรกิจอื่นๆที่พึ่งพาการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ก็จะย่ำแย่ หากราคาเชื้อเพลิงพุ่งขึ้น