กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่า อังกฤษต้องผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้นเพื่อหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเตือนว่าวิกฤตยูโรโซนเป็นความเสี่ยงรุนแรงที่สุดต่อเศรษฐกิจของอังกฤษ และนายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังอังกฤษอาจต้องชะลอการเดินหน้ามาตรการรัดเข็มขัดในเชิงรุก
ไอเอ็มเอฟระบุว่า ธนาคารกลางอังกฤษต้องอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นผ่านทางการซื้อพันธบัตรเพิ่มเติม หรือโดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถระดมทุนที่มีค่าใช้จ่ายต่ำได้ง่ายขึ้น
ไอเอ็มเอฟระบุในรายงานฉบับหนึ่งว่า อังกฤษจะกลับมามีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หลังข้อมูลของทางการบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจได้เข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้งในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
ไอเอ็มเอฟระบุว่า การผ่อนคลายทางการเงินต่อไปของธนาคารกลางอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็น หลังจากที่ธนาคารกลางได้ยุติแผนซื้อพันธบัตรวงเงิน 3.25 แสนล้านปอนด์ในเดือนพ.ค. แต่ไอเอ็มเอฟแนะว่าควรดำเนินการซื้อพันธบัตรต่อไป ขณะที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายก็ควรพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำกว่า 0.5%
ในวันนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษในเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 3% ซึ่งชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่พุ่งขึ้น 3.5% โดยนักวิเคราะห์มองว่ามีโอกาสที่ธนาคารกลางจะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีนี้