สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลมากขึ้นว่ากรีซจะออกจากกลุ่มยูโรโซน นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายและจับตาการประชุมผู้นำกลุ่มยูโรโซนซึ่งจัดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.69% แตะที่ 1.2594 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2682 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลง 0.37% แตะที่ 1.5703 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5761 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.63% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 79.470 เยน จากระดับ 79.970 เยน และพุ่งขึ้น 0.67% แตะที่ 0.9531 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9468 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดิ่งลง 0.33% แตะที่ 0.9763 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9795 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลง 0.19% แตะที่ 0.7522 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7536 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรร่วงลงหลังจากนายลูคัส ปาปาเดมอส อดีตนายกรัฐมนตรีกรีซกล่าวกับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลว่า กรีซกำลังพิจารณาเรื่องการออกจากกลุ่มยูโรโซน พร้อมกับเตือนว่าการร่วงลงของสกุลเงินยูโรอาจจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจกรีซและประเทศอื่นๆในยูโรโซน
นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ที่กรุงบรัสเซลส์ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังว่าผู้นำยูโรโซนจะมีการดำเนินการมากขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหาหนี้ อีกทั้งคาดหวังว่าเยอรมนีและฝรั่งเศสจะสามารถตกลงกันได้ และยูโรโซนจะรักษาความเป็นเอกภาพเอาไว้ได้ แทนที่จะหารือถึงแผนการแยกตัว
สกุลเงินปอนด์ร่วงลงหลังจากสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของอังกฤษเดือนเม.ย.ลดลง 2.3% ซึ่งเป็นการปรับลงมากที่สุดนับแต่เดือนม.ค.2553 เมื่อเทียบกับ 2.0% ในเดือนมี.ค. หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.ลดลง 1.1% ซึ่งร่วงลงมากที่สุดนับแต่เดือนส.ค.2554
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกที่ลดลงอย่างฮวบฮาบทั้งในรายเดือนและรายปีได้ตอกย้ำว่าชาวอังกฤษยังคงเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อที่ระดับสูง ท่ามกลางภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ โดยมีอุปสงค์ที่อ่อนแรงลงอย่างมากในด้านเชื้อเพลิงและเสื้อผ้า
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเนื่องจากนักลงทุนมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังผันผวน โดยสำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐ (CBO) เปิดเผยกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยหากไม่มีการใช้มาตรการด้านการคลังที่จำเป็น ขณะเดียวกันก็มีความกังวลมากขึ้นว่า ในที่สุดแล้วกรีซอาจออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน
ด้านองค์การความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) เตือนว่า 17 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเสี่ยงที่จะถลำลงสู่ "ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง" หากไม่มีการดำเนินนโยบายที่เหมาะสม และคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะอยู่ในภาวะถดถอยเล็กน้อยในปีนี้ โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงจะลดลง 0.1% สำหรับปี 2555 ก่อนที่จะปรับขึ้น 0.9% ในปี 2556