สกุลเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 พ.ค.) เนื่องนักลงทุนชะลอการลงทุนในยูโรก่อนวันหยุดยาวของสหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่กรีซจะออกจากยูโรโซน
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.46% แตะที่ 1.2526 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2584 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.22% แตะที่ 1.5651 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5686 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 79.550 เยน จากระดับ 79.440 เยน และพุ่งขึ้น 0.47% เมื่อเทียบฟรังค์สวิสที่ 0.9586 ฟรังค์ จากระดับ 0.9541 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.22% แตะที่ 0.9729 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9750 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.04% แตะที่ 0.7503 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7500 ดอลลาร์สหรัฐ
นักวิเคราะห์มองว่า อนาคตของกรีซในยูโรโซนยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้าย โดยวานนี้ ตลาดหุ้นยุโรปร่วงรุนแรง หลังจากที่มีรายงานว่า อดีตนายกรัฐมนตรีลูคัส ปาปาเดมอส ของกรีซ ระบุว่า แม้ไม่มีแนวโน้มที่กรีซจะออกจากยูโรโซน แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซนยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สกุลเงินยูโรร่วงลง โดยมาร์กิต อิโคโนมิกส์ รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมของยูโรโซน ซึ่งครอบคลุมทั้งภาคการผลิตและบริการ หดตัวลงสู่ระดับ 45.9 ในเดือนพ.ค. จาก 46.7 ในเดือนเม.ย. ด้านสถาบัน Ifo ของเยอรมนีเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีร่วงลงอย่างมากในเดือนพ.ค.สู่ระดับ 106.9 จาก 109.9 ในเดือนเม.ย. จากความวิตกที่ยืดเยื้อเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ของยูโรโซน
สถาบัน Ifo ของเยอรมนีเปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีร่วงลงอย่างมากในเดือนพ.ค.สู่ระดับ 106.9 จาก 109.9 ในเดือนเม.ย. จากความวิตกที่ยืดเยื้อเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ของยูโรโซน
ส่วนดัชนีการประเมินภาวะทางธุรกิจในปัจจุบันลดลงแตะ 113.3 จาก 117.5 ในเดือนที่แล้ว และดัชนีคาดการณ์ทางธุรกิจ ซึ่งวัดมุมมองที่มีต่อแนวโน้มทางธุรกิจในช่วง 6 เดือนหน้า ลดลงมาอยู่ที่ 100.9 จาก 102.7 ในเดือนเม.ย.
ขณะที่มาร์กิต อิโคโนมิกส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมในภาคการผลิตและบริการของเยอรมนี ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 49.6 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 50.5 ในเดือนเม.ย. ซึ่งตัวเลขที่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว โดยสาเหตุที่ดัชนี PMI รวมของเยอรมนีลดลงในเดือนพ.ค.นั้น เป็นเพราะการร่วงลงของดัชนีในภาคการผลิตสู่ระดับ 45.0 จากระดับ 46.2 ในเดือนเม.ย. ส่วนดัชนีในภาคบริการทรงตัวที่ 52.2