การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอและปัญหาหนี้สินในยุโรปและสหรัฐทำให้เศรษฐกิจของเอเชียกำลังเผชิญกับภาวะการขยายตัวที่ต่ำลงแต่เงินเฟ้อสูงขึ้น เมื่อเทียบกับในอดีต
นั่นจะทำให้ธนาคารกลางเอเชียเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากขึ้นในการดำเนินการด้านนโยบายการเงิน เนื่องจากเงินเฟ้อที่ยังสูงต่อเนื่องและเงินทุนไหลเข้าที่ผันผวนทำให้ไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้มากนัก
ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกาได้ปรับลดการขยายตัวของจีดีพีเอเชียสู่ 6.6%ในปี 2555 และ 7.0% ในปีหน้า ลดลง 0.50% และ 0.40% ตามลำดับจากคาดการณ์ในเดือนธ.ค. อันเป็นผลจากวิกฤติหนี้ยุโรป, ความเป็นไปได้ที่กรีซจะออกจากยูโรโซน, ปัญหาการคลังสหรัฐ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่รุนแรงกว่าที่คาดไว้
จีดีพีไตรมาสแรกอ่อนตัวลงโดยทั่วไป ในขณะที่ประเทศส่วนใหญ่อยู่ในช่วงขาลงอย่างไม่คาดคิด ยกเว้นไทยและมาเลเซีย
แบงก์ ออฟ อเมริกาปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจล่าสุดของฮ่องกง, จีน, เกาหลี, ไต้หวัน และสิงคโปร์ ขณะจับตาจีดีพีอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 6% ซึ่งสอดคล้องในวงกว้างกับ 6.1% ของเดือนธ.ค.
คาดว่าเงินเฟ้อในเอเชียจะมีระดับเฉลี่ยอยู่ที่ 3.9% ในปี 2555 และ 3.7% ในปี 2556 เพิ่มขึ้น 0.10% จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้
คาดการณ์เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสูงสุดในสิงคโปร์, อินเดีย, อินโดนีเซีย และไต้หวัน แต่ลดลงสำหรับเกาหลีและฮ่องกง ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางเอเชียจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายเป็นส่วนใหญ่ในช่วงเวลาที่เหลือของปี โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงในอินเดีย (-1%) และเกาหลี (-0.50%)
ความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อปรากฎขึ้นในอินโดนีเซีย, ไทย และสิงคโปร์ ซึ่งอาจจะจำกัดระดับของการผ่อนคลายทางการเงินที่อาจจะเป็นไปได้
การที่ธนาคารกลางเอเชียจะลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นหรือไม่จะขึ้นอยู่กับว่า วิกฤติหนี้ยุโรปดำเนินไปอย่างไรและกรีซออกจากยูโรโซนหรือไม่