นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การจัดการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกว่าด้วยเอเชียตะวันออกว่าด้วย World Economic Forum จะเป็นโอกาสในการแสดงความก้าวหน้าและการสร้างเสถียรภาพทางเมือง และเศรษฐกิจของไทย และยังเป็นโอกาสอันดีที่ผู้นำทั้งจากภาครัฐและเอกชนจะได้หารือเพื่อเสริมสร้างความร่วมือทั้งในระดับทวิภาคี และในระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะการประชุม จะมีการหารือถึงบทบาทที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกบนการผลักดันการเจริญเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจของโลกตลอดจนความสามารถในการรับมือ กับความท้าทายที่ภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกกำลังเผชิญ โดยมีผู้นำในระดับต่างๆจากทั่วโลกตอบรับเข้าร่วมประชุมเวิลด์อีโคโนมิค ฟอรั่มจำนวนมาก ซึ่งมีผู้นำจาก 5 ประเทศอาเซียน ได้แก่ ประธานาธิบดีแห่งอินโดนีเซีย นายกรัฐมนตรีแห่งบาห์เรน นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และนายกรัฐมนตรีแห่งสาธาณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวมไปถึงผู้นำทางความคิดจากทั่วโลก อาทิ นางซูซาน เอ็ม คอลลินส์ วุฒิสมาชิก สหรัฐอเมริกา นายมาร์ซิโอ ฟาววิลลา ลุคคา เดอ เปาลา ผอ.อาวุโสฝ่ายความสามารถในการแข่งขันความสัมพันธ์กับองค์กรณ์ภายนอก และพันธมิตรแห่งองค์การท่องเที่ยวแห่งสหประชาติ หรือ UNWTO นายสุรินทร์ พิศสุรินทร์ เลขาธิการอาเซียน เข้าร่วมด้วย
นอกจากนี้ ในที่ประชุมอาจจะมีหยิบยกแผนโครงการลงทุน 2.7 ล้านล้านบาทของไทย ตามแผนสร้างอนาคตประเทศไทยมาพูดคุย เพราะหากการพัฒนาโครงการต่างๆ ล่าช้าการเชื่อมโยงในการพัฒนาด้านต่างๆกับต่างประเทศอาจไม่เต็มที่
นายกิตติรัตน์ ยืนยันจะไม่มีการปิดการจราจรหรือห้ามเข้าถนนบางสายที่ใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมและไม่มีการปิดโรงเรียนโดยรอบบริเวณที่ประชุม พร้อมแสดงความมั่นใจว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะอำนวยความสะดวกการจราจรโดยรอบสถานที่การจัดการประชุม แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าการจัดการประชุมอาจส่งผลต่อการจราจร เนื่องจากมีขบวนของผู้นำแต่ละประเทศจึงฝากขอโทษผู้ใช้รถใช้ถนนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯวันที่ 30 พ.ค. ซึ่งตรงกับวันที่จัดการประชุมนั้น มองว่าไม่อยากให้ให้เกิดขึ้น เพราะจะส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทำงานยากขึ้น แต่หากมีการชุมนุมคงไม่ใช่เรื่องพิเศษในกรุงเทพมหานคร โดยส่วนตัวไม่อยากเห็นการชุมนุม เพราะถือว่าการประชุมครั้งนี้เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ
ด้านนายสุชันต์ พาลาเคอร์ธิ ราโอ ผู้อำนวยการอาวุโส เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม ได้ยืนยันว่า นางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาต จะเดินทางเข้าร่วมประชุมในหัวข้อการประชุมเรื่องโอกาสและความท้าทายในส่วนภูมิภาค วันที่ 1 มิถุนายนนี้ พร้อมทั้งย้ำว่าการเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่มเปิดโอกาสให้ผู้นำทุกภาคส่วนเข้าร่วมประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนและรับฟังเหตุผล ซึ่งเป็นไปตามหลักการขององค์กร ที่มีความเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ส่วนพลเอกเต็ง เซ่ง นายรัฐมนตรีพม่า จะเดินทางมาไทยล่าช้า 2-3 วัน แต่ได้ส่งรัฐมนตรีพลังงาน และรัฐมนตรีช่วยการท่องเที่ยวมาร่วมประชุมแทน
นายสุชันต์ ยังแสดงความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลไทยที่มีการจัดการประชุมระดับนานาชาติหลายครั้ง จึงไม่น่ามีปัญหาอะไรหากมีผู้มาประท้วงในระหว่างการประชุม