นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการประชุมทูตพาณิชย์ หรือหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ 65 แห่งทั่วโลก ในช่วง 8 เดือนนับจากเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ต้องเร่งทำการค้าให้ขยายตัวเฉลี่ยเดือนละ 20% หรือ ส่งออกเฉลี่ยราวเดือนละ 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยทางทูตพาณิชย์รับทราบนโยบายเพื่อจะเร่งผลักดันการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมาย 15% หรือ 2.63 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเน้นให้ส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออกสินค้าและบริการ การสร้างเครือข่ายพันธมิตร การหาตลาดใหม่ และการหาตลาดใหม่ในตลาดเดิม เป็นต้น
ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์จะกลับไปปรับปรุงแผนงาน เพื่อหาวิธีการ หรือลู่ทางการค้าใหม่ๆ ในการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น ฮาลาล ออร์แกนิค รักสุขภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น หรือ เจาะตลาดเป็นรายประเทศ ซึ่งในช่วง 4 เดือนแรก(ม.ค.-เม.ย.55)ของปีนี้มีศักยภาพขยายตัวเป็นที่น่าพอใจ เช่น อาเซียน ขยายตัว 8.6% คิดเป็นมูลค่า 18,359 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จีน 4.9% มูลค่า 8,550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ละตินอเมริกา 14.3% มูลค่า 2,450 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แอฟริกา 8.4% มูลค่า 2,407 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อินเดีย 2.5% มูลค่า 1,779 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เกาหลีใต้ 4.5% มูลค่า 1,615 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นต้น
รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ทางกรมส่งเสริมการส่งออกไม่ได้นิ่งนอนใจกับสถานการณ์ยุโรป ซึ่งส่งสัญญามาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยบรรจุไว้ในกลยุทธ์ของกรมฯทั้งการจัดฝึกอบรมและพัฒนา นอกจากนี้ผู้ประกอบการของไทยต้องกำหนดแผนงานบุกเจาะตลาดอย่างรัดกุม และต้องมีแผนพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าไทยควบคู่กันไปด้วย ซึ่งในปีนี้มีถึงกว่า 10 โครงการหลัก โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการของไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีให้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันยอดการส่งออกให้เพิ่มมากขึ้น
สำหรับโครงการสำคัญที่จะเร่งดำเนินการ อาทิ การสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเพื่อการส่งออก ด้วยการคัดเลือกนักออกแบบแฟชั่น 40 แบรนด์ไทย เพื่อพัฒนาศักยภาพการออกแบบและการสร้างแบรนด์ไทยสู่เวทีสากล การพัฒนาและสร้างสินค้าโอท็อปสู่ตลาดโลก( 77 สินค้าจากรากหญ้าสู่สากล) การลดต้นทุนโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการแต่ละปีไม่น้อยกว่า 1% ของจีดีพีใน 5 ปี(55-59) หรือ 0.2% ของจีดีพี หรือ คิดเป็นมูลค่า 18,000 ล้านบาทต่อปี การเจาะตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) การส่งเสริมการขยายตลาดและการไปดำเนินธุรกิจในเออีซี เช่น จัดงานแสดงสินค้าไทยแลนด์เทรดโชว์ เป็นต้น