องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ในกรุงปารีสเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อรายปีของประเทศสมาชิกชะลอตัวสู่ 2.5% ในเดือนเม.ย.2555 เทียบกับ 2.7% ในเดือนมี.ค.
“อัตราเงินเฟ้อรายปีที่ชะลอตัวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการของราคาน้ำมัน และราคาอาหาร (เพิ่มขึ้น 3.1% เทียบกับ 3.5%) โดยอัตราเงินเฟ้อ (4.8% ในเดือนเม.ย. เทียบกับ 6.5% ในเดือนมี.ค.) ชะลอตัวสู่อัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2553" OECD ระบุในรายงานฉบับล่าสุด
จากเมื่อพิจารณาจากประเทศสมาชิก OECD โดยรวม อัตราเงินเฟ้อรายปีมีเสถียรภาพในวงกว้างที่ 2.0% ในเดือนเม.ย. โดยไม่นับรวมราคาอาหารและน้ำมัน
รายงานประจำเดือนระบุว่า อัตราเงินเฟ้อรายปีของกลุ่มจี-7 ชะลอตัวจาก 2.4% สู่ 2.1% โดยราคาอาหารอยู่ที่ 3% และราคาพลังงานอยู่ที่ 3.6% ทั้งนี้ หากไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน อัตราดังกล่าวจะอยู่ที่ 1.7%
เมื่อเทียบรายเดือน ตัวเลขของ OECD บ่งชี้ว่า อังกฤษและสหรัฐมีอัตราเงินเฟ้อรายปีที่ 3% และ 2.3% ตามลำดับ ในเดือน เม.ย. ซึ่งต่ำกว่าเดือนก่อนหน้า 5 และ 4 จุด ตามลำดับ
อัตราเงินเฟ้อรายปีของฝรั่งเศสอยู่ที่ระดับต่ำกว่านั้น ที่ 2.1% ซึ่งต่ำกว่าเดือนก่อนหน้า 2 จุด ส่วนญี่ปู่นอยู่ที่ 0.4% ร่วงจาก 0.5% ในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ อัตราดังกล่าวในเยอรมนีทรงตัวที่ 2.1% อย่างไรก็ตาม อิตาลียังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 3.3% ซึ่งแกว่งตัวอยู่ที่ระดับดังกล่าวตั้งแต่เดือนก.พ.2555 ขณะที่อัตราของแคนาดาปรับขึ้นเล็กน้อยสู่ 2.0%
ในกลุ่มนอก OECD ตัวเลขใหม่แสดงว่า อัตราเงินเฟ้อเมื่อเทียบเป็นรายปีของจีนลดลงสู่ 3.4% ในเดือนเม.ย. ลดลงจาก 3.6% ในเดือนมี.ค., บราซิลลดลงสู่ 5.1% และรัสเซียลดลงสู่ 3.6%
ส่วนอินโดนีเซีย มีอัตราเงินเฟ้อรายปีพุ่งขึ้นอย่างมากสู่ 4.5% จาก 4.0% และในแอฟริกาใต้เพิ่มขึ้นที่ 6.2% ปรับขึ้น 1 จุด
เมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า ดัชนีราคาผู้บริโภคในชาติสมาชิก OECD เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. OECD สรุปในรายงาน