คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีมติให้เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม โดยจะจัดเก็บจากเบนซิน 95 และเบนซิน 91 ลิตรละ 50 สต. และเก็บจากดีเซลลิตรละ 30 สต. ในขณะที่ไม่มีการจัดเก็บเพิ่มเติมจากแก๊สโซฮอล์ โดยมีผลตั้งแต่พรุ่งนี้(2 มิ.ย.)
นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าวจะไม่มีผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในสถานีบริการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลง และการจัดเก็บเงินเพิ่มเพื่อไม่ให้ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันสูงเกินไป
ขณะนี้ส่วนต่างระหว่าง เบนซิน 91 กับแก๊สโซฮอล์ อยู่ที่ 4 บาท/ลิตร และส่วนต่างระหว่างเบนซิน 91 กับแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 7 บาท/ลิตร ซึ่งจูงใจให้คนหันมาใช้แก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในครั้งนี้ ส่งผลให้มีเงินไหลเข้ากองทุนฯ เพิ่มขึ้นเป็น 81-82 ล้านบาท/วัน จากเดิมที่มีเงินไหลเข้า 60 ล้านบาท/วัน และยังเป็นการช่วยลดภาระของกองทุนฯ ที่ตอนนี้ติดลบอยู่ที่ 22,245 ล้านบาท
ด้านนายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เห็นว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกขณะนี้ ผู้ค้าควรจะปรับลดราคาแก๊สโซฮอล์ลงอย่างน้อย 40 สตางค์/ลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง และกองทุนน้ำมันฯ ไม่ได้เรียกเก็บเงินในส่วนของแก๊สโซฮอล์เพิ่มเติม ดังนั้นผู้ค้าน่าจะปรับลดราคาลงได้ใน 1-2 วันนี้
พร้อมกันนี้ สนพ.ได้ประกาศให้ปรับลดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) ของภาคอุตสาหกรรมในวันนี้ลงมาอยู่ที่ 27.89 บาท/กก. จากเดิม 30.13 บาท/กก. หลังจากที่ราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกปรับตัวลดลงจาก 844 ดอลลาร์/ตัน ลงมาเหลือที่ 714 ดอลลาร์/ตัน และจากนี้ สนพ.จะมีการประกาศเปลี่ยนแปลงราคาก๊าซ LPG ในภาคอุตสาหกรรมใหม่ทุกเดือน