นางออง ซาน ซูจี หัวหน้าพรรคเอ็นแอลดี พรรคฝ่ายค้านของพม่า วอนรัฐบาลพม่าและนักลงทุนต่างชาติดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศพม่าอย่างโปร่งใส ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหา เช่น โครงการทวายที่ไม่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือบอกกล่าวให้ประชาชนพม่าได้ทีรับรู้มาก่อน แต่ก็ยอมรับว่าพม่าต้องการการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่จ้างงานได้เร็ว เพื่อสร้างงานให้กับชาวพม่า และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาประเทศ
"ความโปร่งใสเป็นเรื่องสำคัญที่สุด โปรเจ็กค์ทวายที่มีปัญหาเพราะประชาชนในพม่าไม่รู้เรื่องว่าสัญญาที่ทำกันเป็นอย่างไร เราทำอะไรไม่ได้ ไม่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งเป็นอันตรายต่อประเทศ เป็นอันตรายกับการปรองดอง ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ"นางซูจี กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างร่วมประชุม World Economic Forum on East Asia ในกรุงเทพฯ
นางซูจี กล่าวว่า การออกกฎหมายฉบับใหม่เกี่ยวกับการลงทุนของพม่าไม่มีความโปร่งใส เพราะไม่มีการให้เวลาสมาชิกสภาได้พิจารณาในรายละเอียด และกฎระเบียบบางอย่างทำให้เกิดข้อจำกัด อย่างเช่นการขายโทรศัพท์มือถือยังต้องมีใบอนุญาต ทั้งๆ ที่โทรศัพท์มือถือเป็นความจำเป็นทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
อย่างไรก็ดี ไม่สามารถระบุได้ชัดว่าอุตสาหกรรมใดหรือการลงทุนใดที่คิดว่าควรส่งเสริม เพียงแต่ตอนนี้เราต้องการอุตสาหกรรมที่จ้างงานได้เร็ว และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานควรไปด้วยกัน
นางซูจี กล่าวอีกว่า การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรจากต่างชาติมองว่าเป็นการให้รางวัลกับคนทำดีอย่างรัฐบาลพม่า เพราะเชื่อว่าประธานาธิบดีเต็งเส่งมีความตั้งใจปฏิรูปประเทศอย่างที่ประกาศไว้ ขณะเดียวกันพม่าจะไม่พึ่งพาประชาคมมากเกินไป และมองว่าจีนก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีของพม่าตั้งแต่สมัยเป็นสังคมนิยม ขณะที่สหรัฐก็กำลังหันมาหาพม่า
"ผู้แทนรัฐบาลประกาศว่าเขาต้องการความปรองดอง มุ่งมั่นปฏิรูป พวกเราต้องมั่นใจว่าพวกเขาทำตามสัญญาตอนที่เขาประกาศด้วยคำพูด เราต้องมีความมั่นใจว่าเขาต้องปฏิรูปเราต้องพยายามต่อไปในระดับโลก"
สำหรับการเดินทางออกจากพม่าครั้งแรกในรอบ24 ปีมาเยือนประเทศไทย และเดินทางไปเยี่ยมแรงงานพม่าในไทยนั้น นางซูจี กล่าวว่า ได้รับรู้ว่าแรงงานพม่าในไทยต้องการกลับบ้าน ซึ่งพม่าก็ต้องปรับปรุงตัวเองเพื่อให้แรงงานกลับบ้านได้ ต้องนำสันติภาพทางการเมือง และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับประชาชน แต่ขณะนี้ก็ได้บอกกับแรงงานพม่าให้ทำตัวให้ดีที่เป็นแขกของประเทศไทย