กรมสรรพากรระบุว่า เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่ AEC ในปี 2558 การเคลื่อนย้ายเงินทุนจะเป็นไปอย่างเสรีมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการลงทุนทางตรง (Direct investment)หรือการลงทุนในหลักทรัพย์ (Portfolio investment) ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้เตรียมการโดยจัดทำแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้การลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศของภาคเอกชน โดยการลดข้อจำกัดของการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกนอกประเทศหรือการไม่ต้องนำรายได้จากต่างประเทศกลับเข้าประเทศ
นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรกับ ธปท.กำลังประสานความร่วมมือกันเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของเงินทุนเข้า-ออก เพื่อให้การผ่อนคลายข้อจำกัดดังกล่าวกระทบต่อความเสี่ยงด้านการจัดเก็บภาษีน้อยที่สุด ซึ่งการร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและระหว่างประเทศมีความสำคัญอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการปรับปรุงกฎหมายภาษีเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายเงินทุนแล้วหลายมาตรการ เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้อยู่ในประเทศไทย สำหรับCapital gains จากการขายหลักทรัพย์ผ่านกระดานเชื่อมโยงอาเซียน(ASEAN Linkage) และการให้สิทธิผู้ที่ลงทุนใน Dual-listed company สามารถเลือกเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากเงินปันผลในอัตราร้อยละ 10 ได้ โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเสียภาษีตอนปลายปี
นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังได้แก้ไขหลักเกณฑ์การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินปันผลที่บริษัทไทยได้รับจากการไปลงทุนในต่างประเทศให้ได้รับสิทธิง่ายขึ้นอีกด้วย