อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลสเปนปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 0.50% มาอยู่ที่ 6.62% และแตะระดับสูงสุดที่ 6.70% เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ซึ่งใกล้เคียงกับระดับ 7% ซึ่งส่งผลให้กรีซ โปรตุเกส และ ไอร์แลนด์ ต้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีมาเรียโน ราจอย ออกมาส่งสัญญาณเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ยอดหนี้สินของสเปนกำลังอยู่ในระดับเสี่ยง
นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า อนาคตของเงินยูโรกำลังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากข้อมูลสถิติระบุว่า สเปนมีทุนเหลือเพียง 6.6 หมื่นล้านยูโร (8.1 หมื่นล้านดอลลาร์) เท่านั้น
นักวิเคราะห์ของเบเยอร์ริชเชอร์ แลนเดสแบงก์ กล่าวว่า นักลงทุนได้ขาดทุนในตราสารหนี้ของสเปนสูงกว่าตราสารหนี้ของรัฐบาลประเทศอื่นๆ ยกเว้นกรีซในปีนี้ โดยสเปนมียอดหนี้สินทั้งหมด 7.31 แสนล้านยูโร ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่ายอดหนี้สินของทั้งกรีซ โปรตุเกส และ ไอร์แลนด์ รวมกัน ขณะที่นายราจอยชี้ว่า สเปนอาจถูกบังคับให้ต้องออกจากตลาดทุนอันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการบริหารหนี้สินของประเทศ
นายราจอยระบุเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมว่า “ขึ้นอยู่กับอีซีบีในการตัดสินใจดำเนินการอีกครั้ง" หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป หรือ อีซีบี ได้ยุติโครงการซื้อพันธบัตรหลังจากที่ได้ดำเนินมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินราว 1 ล้านล้านยูโรเข้าสู่ระบบในระหว่างเดือนธันวาคม 2554 — กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ด้านนายโฮเซ มานูเอล กอนซาเลซ-พาราโม อดีตคณะกรรมการบริหารของบีอีซีกล่าวเตือนว่า รัฐบาลสเปนควรจะออกมาแสดงความคิดเห็นน้อยครั้งลงว่าอีซีบีควรดำเนินการอย่างไร