สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศความพร้อมที่จะใช้มาตรการที่จำเป็นหากเศรษฐกิจมีแนวโน้มอ่อนแอลง
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.96% แตะที่ 1.2572 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2453 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ดีดขึ้น 0.73% แตะที่ 1.5492 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5379 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.61% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 79.230 เยน จากระดับ 78.750 เยน แต่ร่วงลง 0.98% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9547 ฟรังค์ จากระดับ 0.9641 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.87% แตะที่ 0.9922 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9740 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 1.76% แตะที่ 0.7697 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7564 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากนายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีระบุว่า อีซีบีพร้อมดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ อีซีบียังให้คำมั่นสัญญาว่าจะขยายโครงการจัดหาสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดการเงิน โดยมีเป้าหมายที่จะรับมือกับวิกฤตหนี้ยูโรโซน
ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวปานกลางในช่วงต้นเดือนเม.ย.จนถึงปลายเดือนพ.ค. โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมมีการขยายตัว ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์พื้นตัวขึ้น และการจ้างงานปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีเปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนีปรับตัวลง 2.2% ในเดือนเม.ย. เทียบกับเดือนมี.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.2% บ่งชี้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังชะลอตัว หลังจากที่วิกฤตหนี้ยุโรปส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ นอกจากนี้ กระทรวงได้ปรับทบทวนการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.ลงจากระดับ 2.8%