สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) หลังจากจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลง 0.10% แตะที่ 1.2559 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2571 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.22% แตะที่ 1.5524 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5490 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.48% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 79.600 เยน จากระดับ 79.220 เยน และดีดขึ้น 0.15% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9562 ฟรังค์ จากระดับ 0.9548 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.29% แตะที่ 0.9894 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9923 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.31% แตะที่ 0.7680 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7704 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปีลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 3.25% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปีลง 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 6.31% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2551 ที่ธนาคารกลางจีนตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งเพื่อระบายสภาพคล่องออกจากระบบการเงิน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 8.1% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรหลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ แถลงต่อคณะกรรมาธิการร่วมทางเศรษฐกิจแห่งสภาคองเกรสเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า วิกฤตหนี้ยุโปรที่ทวีความรุนแรงขึ้นนั้น ได้ส่งให้ระบบเศรษฐกิจและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างมาก
เบอร์นันเก้ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะ และเสถียรภาพของธนาคารพาณิชย์ในหลายประเทศของยูโรโซน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ยังคงสร้างความตึงเครียดให้กับตลาดการเงินทั่วโลก
สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากธนาคารกลางอังกฤษมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ และยังได้ตัดสินใจที่จะไม่ขยายโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มูลค่า 3.25 แสนล้านปอนด์ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่