นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเตือนในการแถลงต่อคณะกรรมาธิการร่วมทางเศรษฐกิจแห่งสภาคองเกรสว่า วิกฤตหนี้ยูโรโซนและวิกฤตทางการคลังของสหรัฐที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น เป็นความเสี่ยงรุนแรงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการทางการเงินขนานใหญ่เพื่อหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซา
เบอร์นันเก้กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวปานกลางตั้งแต่ต้นปีนี้ ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมตลาดแรงงานฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2554 จนถึงช่วงต้นปีนี้ พร้อมกับกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขยายตัวปานกลางต่อไปอีกในหลายไตรมาสข้างหน้า เพราะได้แรงหนุนจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
ส่วนรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book ของเฟดเมื่อวานนี้ แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐมีการขยายตัวในอัตราปานกลางตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเม.ย.-พ.ค.
นายเบอร์นันเก้ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะ และเสถียรภาพของธนาคารพาณิชย์ในหลายประเทศของยูโรโซน ซึ่งปัญหาเหลานี้ยังคงสร้างความตึงเครียดให้กับตลาดการเงินทั่วโลก
นอกเหนือจากประเด็นวิกฤตหนี้ยูโรโซนแล้ว นายเบอร์นันเก้เตือนว่ายังมีปัจจัยภายในประเทศบางประการที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ประธานเฟดกล่าวว่า ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนยังคงค่อนข้างระมัระวังเกี่ยวกับเศรษฐกิจ โดยความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านนโยบายการคลังสหรัฐ รวมทั้งความแข็งแกร่งและความต่อเนื่องด้านการฟื้นตัวทำให้ภาคธุรกิจบางส่วนลังเลที่จะขยายกิจการ ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยที่ย่ำแย่ก็เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ถ่วงเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตาม นายเบอร์นันเก้กล่าวว่านโยบายการเงินไม่ใช่ “ยาวิเศษ" ขณะที่การปรับตัวของเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาวจะขึ้นอยู่กับแนวทางของนโยบายการคลังอย่างมาก
ทัศนะดังกล่าวของนายเบอร์นันเก้ รวมทั้งการที่เขาไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนนโยบายในเร็วๆนี้ นับว่าสวนทางกับเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของเฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน รองประธานเฟด นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขาซาน ฟรานซิสโก และนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ควรต้องดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นการขยายตัว หากเศรษฐกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่
ทั้งนี้ ขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อไม่รุนแรงและการจ้างงานยังอยู่มีความอ่อนแอ นักเศรษฐศาสตร์บางรายจึงคาดว่าเฟดจะดำเนินการด้านโนบายครั้งใหม่ในการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ในวันที่ 19-20 มิ.ย.นี้ เพื่อหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ