รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนเม.ย. ลดลง 21.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 3.338 แสนล้านเยน เนื่องจากการฟื้นตัวของการส่งออกยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้า จากวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรป ขณะที่การนำเข้ายังคงเพิ่มมากขึ้น
การส่งออกไปสหรัฐฟื้นตัวขึ้น อันเนื่องมาจากการส่งออกรถยนต์ที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปยังยุโรปและประเทศอื่นๆในเอเชีย อาทิ จีน ยังคงชะลอตัวลง เนื่องจากวิกฤติหนี้ในยุโรปส่งผลกระทบต่อแนวโน้มโน้มเศรษฐกิจโลกมากขึ้น โดยผลกระทบในเชิงลบลุกลากไปยังภูมิภาคอื่นๆ ผ่านช่องทางการค้าและการเงิน
ด้านการนำเข้าปรับตัวสูงขึ้น โดยมีสาเหตุสำคัญจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น รวมทั้งการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวมากขึ้นเพื่อเพิ่มการผลิตไฟฟ้าพลังความร้อน ซึ่งจะชดเชยกับการสูญเสียไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในญี่ปุ่นภายหลังเกิดวิกฤติที่โรงไฟฟ้าฟูกุชิมะ ไดอิจิในเดือนมี.ค. 2554 สำนักข่าวเกียวโดรายงาน