นายอูล์ฟ เซเฟอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาด้านที่พักอาศัย — พรีเมียร์โฮม บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพได้รับผลกระทบทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก ปัจจัยภายในเช่น เศรษฐกิจของประเทศที่ค่อยๆปรับตัวฟื้นตัวจากภาวะอุทกภัย สถานการณ์การเมืองในประเทศและภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ปัจจัยภายนอกคือ วิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป หนี้ที่เพิ่มขึ้นของญี่ปุ่น เศรษฐกิจสหรัฐฯที่ค่อยๆฟื้นตัว ความระส่ำระสายในตะวันออกกลาง ความเติบใหญ่ของอาเซียนและอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้งนี้ จำนวนซัพพลายใหม่ของที่อยู่อาศัยมีมากที่สุดในปี 2553 อยู่ที่ 70,000 ยูนิต แต่เนื่องจากภาวะอุทกภัยและสถานการณ์โลกที่กล่าวมาก่อนหน้าทำให้ผู้พัฒนาโครงการทั้งหลายมีความระมัดระวังต่อตลาดอสังหาฯในอนาคตจึงเป็นผลทำให้จำนวนซัพพลายลดลงในทุกเซกเมนท์ ในขณะที่จำนวนซัพพลายใหม่ในบริเวณซีบีดีก็มีจำกัดเนื่องจากอยู่ในภาวะขาดแคลนที่ดินและมีราคาสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีจำนวนซัพพลายมากอยู่บริเวณรอบนอกซีบีดีและชานเมือง สำหรับระดับราคาในทุกพื้นที่นั้นมีการปรับตัวสูงขึ้นถึงแม้ว่าจะช้ากว่าในอดีต อสังหาฯในบริเวณซีบีดีมีราคาสูงขึ้นพอสมควรอยู่ที่มากกว่า 100,000 บาทต่อตร.ม. ทำให้ตลาดในเซกเมนท์นี้สามารถซื้อหาได้โดยชาวไทยที่ร่ำรวยและชาวต่างชาติเท่านั้น โครงการใหม่ๆบางโครงการในบริเวณซีบีดีมีราคาสูงถึง 300,000 ต่อตร.ม.
นายเซเฟอร์ กล่าวว่า จำนวนซัพพลายที่มีอยู่พอสมควรของรีเซลยูนิตทั้งเก่าและใหม่นั้นเพิ่มขึ้นซึ่งดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรีเซลยูนิตของโครงการที่ใกล้จะส่งมอบจะโอกาสที่ดีของผู้ซื้อที่กำลังมองหาบ้านใหม่ สำหรับผู้ซื้อที่ชาญฉลาดจะสามารถซื้อยูนิตที่ราคาต่ำกว่าราคาขายเริ่มแรกได้
ในภาวะที่ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในเขตซีบีดีสูงขึ้นทำให้ผู้ซื้อชาวไทยและชาวต่างชาติที่ทำงานในไทยมองหาที่พักในเขตรอบนอกซีบีดีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณรัชดาและพระราม9 นั้นมีดีมานด์ค่อนข้างสูง สำหรับระดับราคาบริเวณรอบนอกซีบีดีจะอยู่ที่ประมาณ 70,000 — 100,000 บาทต่อตร.ม. ในส่วนของตลาดบริเวณชานเมืองมีจำนวนซัพพลายและการแข่งขันค่อนข้างสูงของหลายๆโครงการและระดับราคายังไม่สูงนักทำให้บ้านในบริเวณนี้ของกรุงเทพยังสามารถซื้อหาได้
ปัจจัยภายนอกทำให้ผู้พัฒนาโครงการรู้สึกระมัดระวังต่อตลาดอสังหาฯในอนาคต อย่างน้อยก็จนกระทั่งจะมีความชัดเจนต่อสถานการณ์ต่างๆมากขึ้น ผู้ซื้อจากตลาดยุโรปจะค่อยๆลดลงโดยจะมีตลาดใหม่อย่างประเทศในแถบเอเชียมาแทนที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ซื้อและนักลงทุนจากสิงคโปร์ ฮ่องกง อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง
การที่เงินบาทอ่อนค่าช่วนกระตุ้นความสนใจชาวต่างชาติในการซื้ออสังหาริมทรัพย์เนื่องจากราคาจะลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับกับเงินสกุลของเขาเอง ผู้ซื้อชาวไทยจำนวนดีมานด์สูงสุดจะอยู่ในบริเวณรอบนอกซีบีดีและชานเมือง สำหรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่สูงขึ้นทำให้ระดับราคาปรับตัวสูงขึ้นและอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้จะเห็นได้ชัดจากอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่ขึ้นอยู่กับแรงงานอย่างมากทำให้อสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มจะสูงขึ้น ไนท์แฟรงค์คาดว่าราคาอสังหาฯบริเวณชานเมืองจะสูงขึ้น 2% ในขณะที่ราคาในบริเวณซีบีดีและรอบนอกซีบีดีจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4-5%